|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
มูเซอ,เย้า,อาข่า,ยาเสพติด,ฝิ่น,งานพัฒนา,เชียงราย |
Author |
สนิท วงศ์ประเสริฐ |
Title |
ประสบการณ์ในการพัฒนา ศึกษาเฉพาะกรณีการเสพฝิ่นของชาวเขาเผ่ามูเซอ |
Document Type |
รายงานการวิจัย |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ลาหู่ ลาหู่ ละหู่ ลาฮู,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน) |
Total Pages |
37 |
Year |
2530 |
Source |
สถาบันวิจัยชาวเขา กรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทย |
Abstract |
จากประสบการณ์ที่ทีการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม โดยมีเป้าหมายให้ชาวเขาเลิก ลดปลูกฝิ่นและเสพฝิ่นเพียงด้านเดียวนั้น กาลเวลาพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จน้อย ทั้งนี้เพราะชาวเขามีความคุ้นเคยต่อเจ้าหน้าที่ผู้ซึ่งมักจะให้อภัยแก่ชาวเขา ในการอ้างอิงถึงความจำเป็นในการใช้ฝิ่นเป็นที่พึ่งครั้งสุดท้ายในชีวิตของบรรพบุรุษ เป็นยากลางบ้าน และสิ่งที่เกี่ยวข้องกับขนบธรรมเนียม หลังจากกองกำลังติดอาวุธของทางราชการหนุนช่วยด้วยวิธีบีบบังคับให้ชาวเขาเลิกปลูกฝิ่น รวมทั้งได้กระทำการปราบปรามผู้ลักลอบทำการค้าและลำเลียงอย่างเข้มงวด ส่งผลให้ประชากรชาวเขาที่เสพฝิ่นติดในช่วงทศวรรษที่แล้วร้อยละ 12 ลดลงเหลือเพียง ร้อยละ 3 ในปีการวิจัยนี้ เมื่อมีฝิ่นน้อย ชาวเขาก็จะเสพน้อย และเมื่อไม่มีฝิ่น ชาวเขาก็จะไม่ดิ้นรนที่จะเสพ ผลจากการศึกษา ผู้วิจัยได้ให้ข้อเสนอแนะด้านการดำเนินงานปราบฝิ่นอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง พร้อมกับขยายกระบวนการส่งเสริมให้ชาวเขาผลิตพืชผักเมืองหนาว และกึ่งเมืองหนาวให้ทั่วถึง พืชผักดังกล่าวจะผูกพันระหว่างเจ้าหน้าที่กับชาวเขาให้ดำเนินงานร่วมกันในเรื่องเทคนิคการผลิตและการตลาดอย่างใกล้ชิด จากประสบการณ์พบว่า ความใกล้ชิดนี้ส่งผลทำให้ชาวเขาเข้าใจและยอมรับวัฒนธรรมไทยดีขึ้น ส่วนเจ้าหน้าที่ก็มีความเข้าใจแนวทางที่จะโน้มน้าวชาวเขาให้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาอย่างเหมาะสมยิ่งขึ้นเช่นกัน (หน้า 2) |
|
Focus |
ศึกษาค้นคว้าประสบการณ์ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานพัฒนาชาวเขาเผ่ามูเซอที่ชี้ให้เห็นถึงจุดเด่น จุดบกพร่อง เพื่อให้ทราบถึงตัวชาวเขา สภาพแวดล้อมและปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปวิเคราะห์และเสนอแนะโดยถูกต้องสอดคล้องกับความเป็นจริงในชีวิตของชาวเขา อันก่อให้เกิดการประหยัดเวลาและงบประมาณของทางราชการ (หน้า 2) |
|
Ethnic Group in the Focus |
มูเซอ หมู่บ้านห้วยน้ำริน ตำบลแม่เจดีย์ใหม่ อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย เย้า หมู่บ้านห้วยแก้ว จังหวัดเชียงราย |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2528 ถึง กันยายน พ.ศ. 2529 (หน้า 3) |
|
History of the Group and Community |
|
Demography |
ปัจจุบันมีชาวเขาเผ่ามูเซอในประเทศไทย ประมาณ 58,696 คน ส่วนหมู่บ้านห้วยน้ำรินมี 41 หลังคาเรือน รวม 199 คน (หน้า 5) ในจำนวนดังกล่าวมีหัวหน้าครัวเรือนเสพฝิ่นจำนวน 14 หลังคาเรือนหรือ 1 ใน 3 ของครัวเรือนทั้งหมด (หน้า 23) ปี พ.ศ. 2526 หมู่บ้านห้วยรินมีผู้เสพฝิ่น 22 คน หมู่บ้านห้วยโป่ง 36 คน และหมู่บ้านดอยมด 21 คน (หน้า 24) ปลายปี พ.ศ. 2529 หมู่บ้านหนองหอยใหม่ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ มีประชากร 562 คน 59 หลังคาเรือน (หน้า 10) |
|
Economy |
ชาวเขาเผ่าเย้า หมู่บ้านห้วยแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ปลูกฝิ่นแบบขั้นบันได ควบคู่กับการปลูกข้าวโพดบนที่ดินบริเวณเดียวกัน (หน้า 10) มูเซอบ้านห้วยน้ำรินมีอาชีพปลูกพืชไร่ หาของป่า และเลี้ยงสัตว์เพื่อจำหน่าย อาทิ ไก่ หมู วัว และควาย (หน้า 31) โดยเฉลี่ยมีฝิ่นดิบประมาณ 190 กรัม มูลค่า ประมาณ 950 – 1,900 บาทสำหรับจำหน่ายและบริโภคในครัวเรือน (หน้า 26) ครัวเรือนของผู้เสพติดฝิ่นและไม่เสพฝิ่นต่างเข้าร่วมในการผลิตพืชผักเมืองหนาวของโครงการหลวงเนื่องจากได้รับผลตอบแทนเป็นเงินสดในระยะเวลาอันสั้น อีกทั้งทางโครงการหลวงให้ยืมทุนในรูปของวัสดุ โดยได้รับค่าตอบแทนเฉลี่ย 1,670 บาทต่อครัวเรือน(พ.ศ. 2529) มีหัวหน้าครัวเรือนที่ไม่เสพฝิ่น เพียงร้อยละ 15 และหัวหน้าครัวเรือนที่เสพฝิ่น ร้อยละ 17 ที่ไม่รับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจร่วมกับโครงการ (หน้า27 - 28,33) ปลายปี พ.ศ. 2529 คาบเกี่ยวต้นปี พ.ศ. 2530 รายได้จากการขายฝิ่นเทียบเท่ากับ 1 ใน 4 ก่อนที่จะมีการพัฒนา โดยในขณะที่กำลังดำเนินงานพัฒนาหมู่บ้าน ชาวเขาผลิตฝิ่นได้ในปริมาณน้อยกว่าก่อนจะมีการพัฒนาเกือบ 6 เท่า (หน้า 30) |
|
Political Organization |
พระมหากษัตริย์สมัยอยุธยาได้ทรงพยายามแก้ไขปัญหาฝิ่นด้วยการห้ามปรามการค้าขาย และลงโทษผู้เสพฝิ่นมาโดยตลอด ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 3 ได้พยายามปราบปรามการค้าฝิ่นเถื่อนอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นลูกน้องหรือนายก็ต้องถูกยึดทรัพย์และประหารชีวิต ในสมัยรัชกาลที่ 4 ปัญหาฝิ่นเริ่มซับซ้อนจนเกิดปัญหาการค้าระหว่างประเทศ ทำให้มหาอำนาจทางตะวันตกบุกรุกและแบ่งแยกดินแดนของจีน ชาวจีนจึงอพยพเข้ามาเป็นกรรมกรมากขึ้น จึงมีการตรากฎหมายอนุญาตให้มีการซื้อขายฝิ่นเฉพาะในหมู่คนจีนเท่านั้น แต่ด้วยการแก้ไขปัญหาด้านการเมืองระหว่างประเทศ ด้านภาษีที่รัฐควรได้และเรื่องเงินตราที่รั่วไหลออกนอกประเทศ รัชกาลที่ 4 จึงให้คนจีนสูบฝิ่นในโรงฝิ่นที่ทางราชการอนุญาตให้ตั้งขึ้น ส่วนชนเชื้อชาติอื่น ไม่อนุญาตให้สูบฝิ่น และมีโทษถึงขั้นประหารชีวิตสำหรับผู้สูบ กิน และจำหน่ายฝิ่น ในรัชกาลปัจจุบัน สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี มีการออกกฎหมายห้ามสูบฝิ่นและห้ามจำหน่ายฝิ่น ในปี พ.ศ. 2501 และ พ.ศ. 2502 ตามลำดับ โดยให้เหตุผลว่า “การเสพฝิ่นเป็นที่รังเกียจในวงการสังคม และเป็นอันตรายแก่สุขภาพอนามัยอย่างร้ายแรง ประเทศต่างๆได้พยายามเลิกการเสพฝิ่นโดยเด็ดขาดแล้ว จึงเป็นการสมควรได้เลิกการเสพฝิ่นและการจำหน่ายฝิ่นในประเทศไทย” แต่มูเซอหมู่บ้านห้วยน้ำรินเพิ่งทราบข่าวจากทางราชการว่ามีกฎหมายห้ามมิให้ผู้ใดเสพฝิ่นดังกล่าว เมื่อปี พ.ศ. 2510 (หน้า 6 - 7) |
|
Belief System |
มูเซอบ้านห้วยน้ำรินนิยมใช้ฝิ่นเป็นสื่อกลางในการเซ่นผีและในโอกาสต่างๆ เช่น เป็นสินไหมตอนแต่งงาน แจกให้สูบในงานศพ ทำบุญผูกข้อมือ ในวันปีใหม่จะนำฝิ่นมาเซ่นผีเรือน ใช้เป็นค่าจ้างหมอตำแย สำหรับเซ่นผีดอยในไร่ข้าว และเซ่นผีดอยในไร่ฝิ่นช่วงเตรียมดินปลูกฝิ่น และช่วงก่อนเริ่มกรีดฝิ่น เป็นต้น (หน้า 24 - 25) มูเซอบ้านห้วยน้ำรินมีการนับถือ “เทวราชกือซา” โดยมีการสวดมนต์ขอพร และมีวิธีป้องกันสัตว์เลี้ยง ผู้บุกรุก ตลอดจนป้องกันสัตว์ป่าหรือคนแอบขโมยกรีดฝิ่นด้วยพิธีกรรมทางศาสนา นอกจากนี้ยังมีมูเซอและอีก้อหมู่บ้านใกล้เคียงจำนวนหนึ่งนับถือศาสนาคริสต์ (หน้า 27,31) |
|
Education and Socialization |
การผลิตข้าวไร่และการปลูกฝิ่น ชาวบ้านได้รับการเรียนรู้ที่ถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ ส่วนการปลูกพืชเมืองหนาว ชาวบ้านได้รับการอบรมจากโครงการหลวง(หน้า 32) |
|
Health and Medicine |
ราวปี พ.ศ. 2510 – พ.ศ. 2529 มูเซอหมู่บ้านห้วยน้ำริน จำนวนมากได้ไปรับการรักษาและบำบัดการติดฝิ่นตาม โรงพยาบาลต่างๆในเมือง อาทิ โรงพยาบาลจังหวัดลำปาง โรงพยาบาลจังหวัดเชียงใหม่ และวัดถ้ำกระบอก จังหวัดสระบุรี เป็นต้น บางครอบครัวอดฝิ่นด้วยวิธีดั้งเดิม เช่น การออกไปล่าสัตว์ป่าและค้างแรมในป่าเป็นเวลา นาน บ้างก็อดฝิ่นโดยการใช้ยาสมุนไพรผสมผสานกับคาถาอาคม (หน้า 21,23-24) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Folklore |
เผ่าอีก้อ มีนิทานเกี่ยวกับเรื่องการกำเนิดของฝิ่นว่า ในอดีต มีสตรีงานเหนือสตรีอื่นใด เป็นที่หมายปองของชายหนุ่มทุกหมู่บ้าน แต่นางเป็นคนจิตใจรวนเร ไม่สามารถตัดสินใจแต่งงานกับชายคนใด จนวันสุดท้ายก่อนจะเสียชีวิต นางได้บอกกับชายหนุ่มทุกคนที่มาหลงรักนางว่า ขอให้ชายทุกคนสังเกตที่หลุมฝังศพนาง ถ้ามีต้นไม้ใดงอกขึ้นมาก็ให้ดูแลรักษาเอาไว้ เมื่อต้นไม้โตจะให้ดอกสวยงามดุจตัวนาง เมื่อดอกโรยจะเกิดผล ขอให้ชายเหล่านั้นจงนำยางจากผลมาทดลองเสพ และแล้วก็ปรากฏว่าหลังจากที่ชายทั้งหลายทดลองเสพ เกิดความมึนเมา ลุ่มหลง ไม่อาจเลิกได้ ดุจความหลงใหลในเสน่ห์แห่งตัวนางตราบทุกวันนี้ ส่วนเผ่าแม้วมี ”ตำนานประวัติของฝิ่น” ว่า ต้นฝิ่นกำเนิดขึ้นโดยหญิงสาวชาวเขาเผ่าแม้วคนหนึ่งต้องการมีคู่ครองโดยวิ่งตามหาชายหนุ่มถึงสามวัน อดน้ำอดอาหารจนเสียชีวิต โดยก่อนเสียชีวิตนางได้สาปแช่งไว้ว่า “ตัวฉันเกิดมาเป็นสาวมาทั้งคน ทำไมไม่มีใครชอบฉันเลย ต้องมาวิ่งตามผู้ชายจนตัวตาย ครั้งนี้ฉันไม่ตายก็แล้วไป แต่ถ้าฉันตาย ฉันขอสาปแช่งไว้ห้าร้อยชาติ ฉันจะเกิดมาเป็นยาชนิดหนึ่ง หญิงกินให้หญิงเมา ชายกินให้ชายเมา นายสูบนายก็ติด เจ้าสูบเจ้าก็ติด สำหรับคนที่เคยลิ้มลองฉัน ไม่ว่าฉันอยู่แห่งหนใดก็จะต้องวิ่งไล่ไขว่คว้าฉัน เหมือนกับฉันที่ต้องวิ่งไล่ตามผู้ชาย” นอกจากนี้ชาวเขาเผ่าเย้าก็มีการเปรียบฝิ่นเสมือนหญิงงามเช่นเดียวกันกับเผ่าอีก้อและแม้ว ส่วนกะเหรี่ยงบนดอย อินทนนท์ก็มีตำนานคล้ายคลึงกับตำนานของแม้วแต่จะมีความต่างในเรื่องเนื้อหาบ้างเล็กน้อย (หน้า 8 - 11) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ปี พ.ศ. 2506 ชาวเขาเผ่าแม้วได้สอนให้กะเหรี่ยงบนดอยอินทนนท์ปลูกฝิ่น (หน้า 11) ปีพ.ศ. 2525 โครงการหลวง หมู่บ้านห้วยน้ำริน มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สถาบันวิจัยชาวเขา เจ้าหน้าที่ศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา จังหวัดเชียงราย และอาจารย์จากคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดำเนินการสำรวจสภาวะทางเศรษฐกิจของหมู่บ้านห้วยน้ำรินและหมู่บ้านใกล้เคียง (หน้า 29) อีกทั้งยังได้รับฝึกหัดและอบรมเรื่องการปลูกพืชผักเมืองหนาวจากโครงการหลวง (หน้า 32) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ในอดีตมูเซอบ้านห้วยน้ำรินมีการปลูกข้าวไร่และฝิ่น ปัจจุบันการปลูกฝิ่นเริ่มลดน้อยลงเนื่องจากทางโครงการได้สนับสนุนให้ปลูกพืชผักเมืองหนาว (หน้า 32 - 33) |
|
Map/Illustration |
- แผนที่แสดงแหล่งอดฝิ่นที่ชาวเขาเผ่ามูเซอหมู่บ้านห้วยน้ำรินมีประสบการณ์ (หน้า 23 - 24) |
|
|