|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ไทยใหญ่,การเปลี่ยนแปลง,สังคม,วัฒนธรรม,ปางมะผ้า,แม่ฮ่องสอน |
Author |
พิมุข ชาญธนะวัฒน์ |
Title |
การปรับปรน เปลี่ยนแปลงทางสังคม และวัฒนธรรมของชาวไทยใหญ่ : กรณีศึกษาชาวไทยใหญ่หมู่บ้านถ้ำลอด อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
-
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไท(Tai) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน) |
Total Pages |
103 |
Year |
2546 |
Source |
หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย สถาบันราชภัฏเชียงใหม่ |
Abstract |
ชุมชนหมู่บ้านถ้ำลอด เริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2512 โดยแรกเริ่มนั้นสมาชิกในชุมชนมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด มีความเชื่อเกี่ยวกับอำนาจเหนือธรรมชาติและภูตผีวิญญาณต่างๆ ผสมผสานกับความยึดมั่นในจารีตประเพณีตามหลักพุทธศาสนา ดำรงชีพด้วยการพึ่งพาการเกษตรกรรมและอาศัยทรัพยากรจากธรรมชาติ มีการพึ่งพาสังคมภายนอกน้อยมาก ต่อมาชุมชนบ้านถ้ำลอดมีการขยายตัวรวดเร็ว ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และวัฒนธรรมอย่างมาก โดยมีผลมาจากปัจจัย 2 ด้านคือ ปัจจัยแรกเป็นปัจจัยภายใน ประกอบด้วย การเพิ่มประชากร ความต้องการเป็นคนไทย ความต้องการด้านวัตถุ ลักษณะทางเชื้อชาติ วัฒนธรรมที่ใกล้ชิดกับคนไทย และสภาพด้านภูมิศาสตร์ของชุมชน ส่วนปัจจัยที่สองเป็นปัจจัยภายนอก ประกอบด้วย การพัฒนาของรัฐ บุคคล และองค์กรอิสระ การอพยพของประชากรจากต่างถิ่น สำหรับกระบวนการปรับปรน เปลี่ยนแปลงทางด้านสังคม และวัฒนธรรมนั้น เป็นผลมาจากการที่สมาชิกในชุมชนบ้านถ้ำลอดมีพฤติกรรมหรือเกิดการยอมรับการปฏิบัติเกี่ยวกับด้านการขัดเกลาทางสังคม การลอกเลียนแบบ การมีค่านิยมแบบใหม่ การยอมรับลักษณะของความเป็นสากล และการหยิบยืมทางวัฒนธรรมจากสังคมภายนอกเข้ามาใช้ในชีวิตประจำวันของตน โดยได้ส่งผลต่อสภาพวิถีชีวิตของชาวไทยใหญ่หมู่บ้านถ้ำลอดในด้านต่างๆทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และด้านสิ่งแวดล้อม โดยผู้วิจัยพบว่า การปรับปรน เปลี่ยนแปลงทางด้านสังคม และวัฒนธรรมนั้น ไม่ใช่เป็นการปรับปรน เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับระบบส่วนใดส่วนหนึ่งที่เป็นอิสระจากระบบอื่นๆ แต่การปรับปรน เปลี่ยนแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดภายในชุมชนนั้น มีผลกระทบต่อเนื่องไปยังส่วนอื่นๆของสังคมและวัฒนธรรมด้วย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความสมดุลซึ่งกันและกันของระบบแต่ละส่วนซึ่งเป็นไปในลักษณะของการรักษารูปแบบดั้งเดิมที่เห็นว่าดีและยังมีประโยชน์เอาไว้ ขณะเดียวกันก็มีการรับวัฒนธรรมต่างๆจากสังคมภายนอกที่คิดว่าดี เข้ามาผสมผสานเพิ่มเติม การปรับปรน เปลี่ยนแปลงทางสังคม และวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดเวลานี้ คือความพยายามของชาวไทยใหญ่ที่จะก่อให้เกิดสภาพแห่งความเป็นอยู่ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันซึ่งมีความแตกต่างไปจากอดีต อันจะมีผลทำให้ชาวไทยใหญ่ หมู่บ้านถ้ำลอดสามารถดำรงชีพอยู่รอดได้ต่อไป |
|
Focus |
ปัจจัยที่ทำให้เกิดการปรับปรน เปลี่ยนแปลงของชุมชน ตลอดจนกระบวนการ และผล กระทบจากการปรับปรน เปลี่ยนแปลงทางสังคม และวัฒนธรรม |
|
Ethnic Group in the Focus |
ไทยใหญ่ หมู่บ้านถ้ำลอด อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
ในพื้นที่อำเภอปางมะผ้า เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวไทยใหญ่ที่เก่าแก่ คือ หมู่บ้านแม่ละนา หมู่บ้านนาปู่ป้อม ซึ่งตั้งหมู่บ้านมานานกว่า 200 ปี หมู่บ้านไม้ฮุง ตั้งหมู่บ้านมามากกว่า 190 ปี และหมู่บ้านไม้ลัน ซึ่งตั้งหมู่บ้านมาไม่ต่ำกว่า 160 ปี(หน้า 39) หมู่บ้านถ้ำลอด หมู่1 ตำบลถ้ำลอด อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ก่อตั้งราวปี พ.ศ. 2512 ชาวบ้านส่วนใหญ่อพยพมาจากหมู่บ้านปางคาม หมู่บ้านไม้ลัน และหมู่บ้านปางแปก ตำบลปางมะผ้า และหมู่บ้านหัวลาง ตำบลถ้ำลอด อำเภอปางมะผ้า แรกเริ่มนั้นชาวบ้านจากหมู่บ้านหัวลางได้ย้ายมาอยู่ที่หุบเขาที่ราบลุ่มทางด้านเหนือของหมู่บ้านถ้ำลอดปัจจุบัน ขณะนั้นชาวบ้านเรียกกันว่า ปางคาม (ปางคาม คือ ที่พักแรมขณะทำการเกษตร) อยู่ได้ไม่ถึง 1 ปี ราวแรม 11 ค่ำ เดือน 10 ปี พ.ศ. 2512 เวลาค่ำ เกิดน้ำป่าไหลท่วมบ้านเรือน ชาวบ้านจึงย้ายขึ้นเนินมาอยู่ที่เชิงดอยซุ่นนะ หรือที่เรียกกันว่า บ้านเก่า ในปัจจุบัน เมื่ออยู่ได้ประมาณ 7 8 ปี มีคนตายอันเนื่องมาจากการเจ็บไข้ สมัยนั้นเชื่อว่าเป็นการกระทำของผี จึงย้ายมาอยู่บ้านกลาง (ปัจจุบันเรียกบ้านเหนือ) และมีบางส่วนย้ายข้ามลำห้วยแห้งน้อยไปอยู่ทางเนินเขาด้านทิศใต้ เรียกว่า บ้านใต้ หรือ บ้านใหม่ เนื่องจากเป็นการสร้างหมู่บ้านขึ้นใหม่ สมัยแรกเริ่มตั้งหมู่บ้าน นิยมเรียกหมู่บ้านถ้ำลอดว่า บ้านถ้ำโหลง เนื่องจากมีถ้ำขนาดใหญ่ที่ลำน้ำลางไหลลอดผ่านอยู่ใกล้ๆทางด้านทิศใต้ของกลุ่มบ้านใต้ (หน้า 37) |
|
Settlement Pattern |
ตัวหมู่บ้านวางตัวในแนวทิศเหนือ ใต้ โดยมีห้วยแห้งน้อยคั่นกลาง บ้านเรือนภายในชุมชนบ้านถ้ำลอดวางตัวตลอดสองฟากถนนภายในชุมชน มี ศาลเจ้า โรงเรียนและสถานีอนามัยตั้งอยู่ค่อนไปทางด้านทิศเหนือของหมู่บ้าน(หน้า 42) |
|
Demography |
ชาวบ้านที่ย้ายมาอยู่บ้านเหนือ และบ้านใต้ในยุคเริ่มแรก มีทั้งสิ้น16 ครอบครัว โดยแยกเป็นกลุ่มบ้านเหนือ 8 ครอบครัว และกลุ่มบ้านใต้ 8 ครอบครัว (หน้า 37) สมัยแรกเริ่มตั้งชุมชน ชาวไทยใหญ่บ้านถ้ำลอดยังไม่มีการคุมกำเนิด เนื่องจากห่างไกลเจ้าหน้าที่สาธารณะสุข กอปรกับหนุ่มสาวสมัยนั้นนิยมมีคู่ครองเมื่ออายุยังน้อย ประมาณ 15 16 ปี จึงทำให้ประชากรมีอัตราการเกิดสูง ครอบครัวละ 4 5 คนเป็นอย่างน้อย (หน้า 46) ปัจจุบันชุมชนบ้านถ้ำลอดมีประชากรรวมทั้งสิ้น197 หลังคาเรือน 726 คน จำแนกเป็น ชาย 366 คน หญิง 360 คน (หน้า 43) ปี พ.ศ. 2543 โรงเรียนบ้านถ้ำลอดมีนักเรียนทั้งสิ้น 177 คน จำแนกเป็นนักเรียนชาย 98 คน นักเรียนหญิง 79 คน มีครูสอน 9 คน และนักการภารโรง 1 คน (หน้า 44) |
|
Economy |
ในอดีตชาวบ้านดำรงชีพด้วยการพึ่งพาด้านเกษตรกรรมและทรัพยากรธรรมชาติแวดล้อม อาศัยแรงงานในครอบครัวเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิต ใช้เครื่องมือ เครื่องใช้ที่เรียบง่าย มีระบบการแลกเปลี่ยนแรงงานระหว่างสมาชิกในชุมชน ผลผลิตที่ได้ มุ่งไว้ใช้บริโภคภายในครัวเรือนเป็นสำคัญ ชาวบ้านมีการติดต่อค้าขายเล็กๆ น้อยๆ กับสังคมภายนอก ด้วยการเดินเท้า มีการพึงพาสิ่งแวดล้อมธรรมชาติรอบชุมชน ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพหลักคืออาชีพหลัก คือ การทำสวน ทำไร่ โดยเฉพาะข้าวเจ้า ซึ่งเป็นอาหารหลักที่จำเป็นต้องปลูกไว้ให้เพียงพอต่อการบริโภคตลอดปีของแต่ละครอบครัว ส่วนพืชผักที่นิยมปลูกคือ ข้าวโพด แตง ฟักทอง พริก งา และถั่ว สำหรับการเลี้ยงสัตว์ส่วนใหญ่นิยมเลี้ยงหมูและไก่ ปัจจุบันชาวไทยใหญ่หมู่บ้านถ้ำลอดมีการประกอบอาชีพที่หลากหลายมากขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว โดยมีลักษณะของการเริ่มเปลี่ยนแปลงจากสภาพชุมชนเกษตรที่พึ่งพาธรรมชาติ ไปสู่ลักษณะของชุมชนกึ่งสังคมเมืองที่มีการประกอบอาชีพที่หลากหลาย ได้แก่ อาชีพค้าขาย อาชีพทำงานในหน่วยงานภาครัฐ อาชีพบริการและรับจ้างทั่วไป ตลอดจนอาชีพที่เป็นผลมาจากการส่งเสริมการท่องเที่ยวถ้ำน้ำลอด ด้วยความหลากหลายดังกล่าวถือเป็นปัจจัยสำคัญอันนำไปสู่ความแตกต่างของบทบาท สถานภาพ ตลอดจนรายได้ของสมาชิกในชุมชน (หน้า ข, 51 55) |
|
Social Organization |
โครงสร้างผู้นำทางสังคมของหมู่บ้านชาวไทยใหญ่ในอดีตประกอบด้วยตำแหน่งของบุคคลสำคัญซึ่งทำหน้าที่แตกต่างกัน ได้แก่ หมอเมือง เจเร สล่า และรากสะมา หมอเมืองทำหน้าที่ประกอบพิธีกรรมต่างๆ เช่นเลี้ยงเจ้าที่ ติดต่อกับดวงวิญญาณ เจเร คือ ผู้ทำหน้าที่ในฐานะผู้รอบรู้ตำราหรืออักษรไตที่กล่าวถึงหลักธรรมคำสอนในพุทธศาสนา รับผิดชอบเกี่ยวกับงานบุญ สล่า คือ ผู้ที่รู้เรื่องเกี่ยวกับยา สมุนไพร ส่วนรากสะมา คือ ผู้ที่เป็นช่างไม้ มีความรู้วาดลวดลาย ศิลปะต่างๆหรืออีกนัยคือผู้ที่เชี่ยวชาญการทำสิ่งของเครื่องมือเครื่องใช้ ตลอดจนการปลูกสร้างบ้านเรือน (หน้า 64 - 65) |
|
Political Organization |
เมื่อแรกตั้งหมู่บ้านราวปี พ.ศ. 2512 หมู่บ้านถ้ำลอดถือเป็นเป็นบริวารของหมู่บ้านเมืองแพม ซึ่งเป็นหมู่บ้านของชาวกะเหรี่ยงขาว ชาวไทยใหญ่ต้องขึ้นตรงต่อการปกครองของผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านเมืองแพม ทั้งนี้เนื่องจากหมู่บ้านเมืองแพมเป็นหมู่บ้านเก่าที่ตั้งมาก่อนหมู่บ้านถ้ำลอด ต่อมาเมื่อมีการขยายตัวของชุมชน มีประชากรมากขึ้น จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นหมู่บ้านในปี พ.ศ.2525 ปัจจุบันหมู่บ้านถ้ำลอด ขึ้นกับองค์การบริหารส่วนตำบลถ้ำลอด ซึ่งก่อตั้งเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2542 มีหน้าที่จัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่ บริหารเงินงบประมาณและพัฒนาด้านต่างๆ ปัจจุบัน (พ.ศ. 2544) มีพนักงานส่วนตำบล 3 คน (รวมทั้ง ปลัด อบต.) ลูกจ้างชั่วคราว 3 คน และสมาชิก อบต.จาก 7 หมู่บ้าน หมู่บ้านละ 2 คน (หน้า 45,63- 64) |
|
Belief System |
ในยุคเริ่มแรกของการตั้งหมู่บ้าน ชาวบ้านมีความเชื่อถือเกี่ยวกับอำนาจเหนือธรรมชาติและภูตผีวิญญาณต่างๆซึ่งมีอำนาจสามารถทำให้คนเจ็บป่วยหรือตายได้ ผีที่ชาวไทยใหญ่มีและรู้จัก เช่น ผีลู หรือผีพราย ชอบปลอมตัวเป็นคนหลอกให้ชาวบ้านเดินหลงป่า ผีแมน มีลำตัวผอมสูง ชอบอาศัยในถ้ำกลางป่าลึก ผีสาน ชอบปิดตาคน ทำให้คนตาลาย ผีติ๊ดตูด เป็นผีที่ชอบหากินตามลำห้วย ผู้ใดไปหาปูหาปลายามค่ำคืนตามห้วยลำธาร อาจถูกผีชนิดนี้หลอกหรือทำร้ายได้ เป็นต้น โดยกลุ่มบ้านเหนือและบ้านใต้ของหมู่บ้านถ้ำลอดจะมีผู้นำทางด้านพิธีกรรมต่างๆ เรียกกันว่า หมอเมือง ผสานกับความยึดมั่นในจารีตประเพณีตามหลักพุทธศาสนา (หน้า ข,37-38,76 - 77) ลักษณะทางวัฒนธรรมดั้งเดิมของไทยใหญ่บ้านถ้ำลอดมีประเพณี พิธีกรรมซึ่งสามารถจำแนกได้เป็น 2 ประเภทคือ ประเพณีพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับชุมชน และประเพณี พิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับชีวิต ประเพณีพิธีกรรมข้องกับชุมชน สมาชิกในชุมชนต้องปฏิบัติพร้อมเพรียงร่วมกัน อาทิ ประเพณีปอยกองหลัว เป็นประเพณีที่มีการทำบุญที่วัดและช่วยกันนำฟืนไปกองที่วัดเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ภิกษุสงฆ์ จัดในช่วงฤดูหนาวช่วงเดือน 11 ถึงเดือน 2 พิธีเลี้ยงเมือง ดพิธีขึ้นเพื่อเลี้ยงวิญญาณเจ้าเมือง โดยการฆ่าไก่ และนำเหล้ามาถวาย เพราะเชื่อว่าสามารถปกปักรักษาให้ความสุขความสมบูรณ์แก่สมาชิกในชุมชน พิธีจะจัดในเดือนก๋ำ(เดือน 2) และเดือน 7 ปกติมักจะเลือกตรงกับวันขึ้น 3 ค่ำหรือ 13 ค่ำ พิธีข้าวหย่ากู๊ จัดในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 ของทุกปี ชาวบ้านจะนำข้าวเหนียวนึ่ง ใส่ครกตำผสมน้ำอ้อย ถัวคั่วหรืองา ปั้นเป็นชิ้นเพื่อนำไปถวายพระและมอบแด่ผู้สูงอายุที่นับถือ ปอยจ่าตี่ หรือการก่อเจดีย์ทราย จะจัดในช่วงเดือน 4 ถึงเดือน 6 มีการทำบุญและขนทรายเข้าวัดเพื่อก่อพระเจดีย์ทราย พิธีเมบ้าน หรือเรียกกันว่า วันปะลีก เป็นการทำบุญฟังธรรมของหมู่บ้าน เป็นพิธีที่สำคัญยิ่งของชาวไทยใหญ่ อาจจัดขึ้นปีละครั้งหรือสามปีครั้งก็ได้ นิยมจัดขึ้นก่อนฤดูฝน เพราะมีการนำเมล็ดพันธุ์พืชเข้าร่วมพิธีก่อนที่จะนำไปใช้เพาะปลูก ด้วยมีความเชื่อว่าจะทำให้เมล็ดพันธุ์พืชให้ผลผลิตงอกงามดี เป็นต้น ส่วนประเพณีพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับชีวิตได้แก่ พิธีเกิด พิธีแต่งงาน และพิธีศพ พิธีเกิด ในอดีตหญิงชาวไทยใหญ่บ้านถ้ำลอด จะต้องคลอดลูกที่บ้าน โดยมีหญิงผู้มีประสบการณ์ในการทำคลอด เรียกว่า แม่เก็บ มาช่วยระหว่างคลอด เมื่อเด็กคลอดออกมาแม่เก็บจะใช้ไม้ไผ่ที่รองมุงหลังคาบ้าน ปาดให้คมก่อนนำมาตัดสายสะดือเด็ก ส่วนสายรกต่างๆจะนำไปฝังไว้ที่หัวบันไดทางขึ้นบ้าน พิธีแต่งงาน ในอดีตชาวไทยใหญ่นิยมแต่งงานเมื่ออายุประมาณ 15 16 ปี หนุ่มสาวส่วนใหญ่นิยมเลือกวิธีแอบหนีไปอยู่ด้วยกันระยะหนึ่ง บางคู่ก็พากันหนีไปอยู่ตามกระท่อมที่ห่างไกลผู้คน จากนั้นก็กลับมาขอขมา โดยญาติฝ่ายชายจะไปตกลงกับญาติฝ่ายหญิงที่บ้านพ่อแม่ฝ่ายหญิง มีการผูกข้อมือด้วยด้ายขาว ผู้ชายผูกข้อมือขวา ส่วนหญิงผูกข้อมือซ้าย ส่วนสินสอดนั้นขึ้นกับฐานะทางครอบครัว พิธีศพ เมื่อมีคนตายจะเก็บศพไว้ 1 คืน ก่อนที่จะทำการฝังศพ ศพคนจนจะห่อด้วยสาด(ไม้ไผ่สานเป็นแผ่นคล้ายเสื่อ) ส่วนศพผู้มีฐานะดีจะบรรจุใส่โลงไม้ การฝังศพจะฝังให้ปลายเท้าชี้ออกนอกหมู่บ้านเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า ผู้ตายได้เดินออกจากชุมชนแล้ว (หน้า 71 -75,78 - 79) |
|
Education and Socialization |
ในอดีตก่อนที่จะมีโรงเรียน เด็กๆในหมู่บ้านได้รับการเลี้ยงดูและอบรมสั่งสอนจากพ่อแม่ หรือคนเฒ่าคนแก่ในครอบครัว เมื่อทำไร่ทำสวน พ่อแม่ก็จะนำลูกของตนไปด้วย จึงทำให้เด็กๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการดำรงชีพจากประสบการณ์ตรง ซึ่งเป็นรูปแบบการเรียนรู้แบบไม่เป็นทางการ ปัจจุบันภายในชุมชนบ้านถ้ำลอด มีโรงเรียนบ้านถ้ำลอด(เดิมชื่อโรงเรียนบ้านเมืองแพม สาขาบ้านถ้ำลอด) ก่อตั้งเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2520 เปิดทำการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล ถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 นอกจากนี้ยังมีการศึกษานอกระบบซึ่งตั้งอยู่ในตัวอำเภอปางมะผ้า ห่างจากตัวหมู่บ้านราว 9 กิโลเมตร (หน้า 44,68,82) |
|
Health and Medicine |
ในอดีตการรักษาอาการป่วยแบบดั้งเดิมด้วยการใช้ยาสมุนไพร และวิธีทางไสยศาสตร์ เช่น การเรียกขวัญ การไล่ผี การเลี้ยงผี เป็นต้น แต่ปัจจุบันการรักษาพยาบาลตามระบบการแพทย์แผนปัจจุบันได้รับการยอมรับมากขึ้น ภายในชุมชนบ้านถ้ำลอดมี สถานีอนามัยบ้านถ้ำลอด สังกัดกระทรวงสาธารณะสุขก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 รับผิดชอบงาน 4 กลุ่ม คือ งานส่งเสริมสุขภาพ งานรักษาพยาบาล งานป้องกันโรค และงานฟื้นฟูสภาพ เปิดให้บริการชาวบ้านในเขตพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง รับเฉพาะผู้ป่วยนอก ปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขชุมชน ตำแหน่งนักวิชาการ 1 คน พยาบาลเทคนิค 1 คน และเจ้าพนักงานสาธารณะสุขชุมชน 1 คน (หน้า 45,68) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
เรือนชาวไทยใหญ่ดั้งเดิมสร้างด้วยไม้ไผ่ มุงหญ้าคา ใบตองตึงหรือตองก๊อทุกหลัง (หน้า 39 ) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ปัจจุบันมีชาวต่างชาติตัดสินใจแต่งงานกับไทยใหญ่ในหมู่บ้านถ้ำลอด ได้แก่ ชาวออสเตรเลีย 2 ราย ชาวเยอรมัน 1 ราย และมีชาวสวิสเซอร์แลนด์ 1 ราย ที่เข้ามาพักอาศัยในชุมชนเพียงคนเดียวโดยให้เหตุผลว่า บ้านถ้ำลอดเป็นหมู่บ้านที่สงบ ใกล้ชิดแหล่งธรรมชาติ วิถีชีวิตของผู้คนเรียบง่ายไม่ต้องแข่งขันสูงเหมือนสังคมในเมือง (หน้า 69 - 70) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ปัจจัยที่ส่งผลถึงการปรับปรน เปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมของชาวไทยใหญ่ ในหมู่บ้านถ้ำลอด อาทิ ความต้องการเป็นคนไทย เพื่อที่จะสามารถมีสิทธิเท่าเทียมกับคนไทย ดังนั้นชาวไทยใหญ่จึงต้องมีการดำเนินการเพื่อออกเอกสารบัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้าน แต่การที่ผู้ใดจะมีเอกสารทางราชการดังกล่าวได้จำเป็นต้องเป็นคนไทย รู้วัฒนธรรมไทย อย่างน้อยต้องสามารถพูดสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ได้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชาวไทยใหญ่บ้านถ้ำลอดได้ยอมรับ และเรียนรู้ความเป็นไทยอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้การที่ชาวบ้านมีโอกาสได้รับบริการด้านสุขภาพอนามัยตามหลักวิทยาศาสตร์การแพทย์แผนปัจจุบัน ส่งผลให้ชาวบ้านมีสุขภาพอนามัยที่ดีขึ้น ซึ่งแตกต่างจากการรักษาแบบดั้งเดิมที่เน้นพิธีกรรมและยาสมุนไพร นอกจากนี้ยังทำให้ชาวบ้านเริ่มมีความเสื่อมคลายความเชื่อดั้งเดิมที่ว่า ผีเป็นต้นเหตุของความเจ็บป่วย และเริ่มนิยมวางแผนครอบครัว มีการคุมกำเนิด เป็นผลให้ครอบครัวชาวไทยใหญ่บ้านถ้ำลอดมีลูกน้อยลงกว่าอดีต ในส่วนของการจัดการศึกษาภาคบังคับของรัฐที่มีนโยบายเข้ารับการศึกษาอย่างน้อย 9 ปีหรือถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 การเข้ารับการศึกษาในโรงเรียนทำให้เด็กและเยาวชนในหมู่บ้านมีระบบความคิดความเชื่อที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่น มีความรู้ในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความเชื่อเรื่องผีจึงเริ่มเสื่อมคลาย เกิดการยอมรับวัฒนธรรมสากลมากขึ้น การพัฒนาด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของภาครัฐ มีส่งผลถึงการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชาวบ้านเป็นอย่างมาก เช่น การพัฒนาถนนเป็นถนนคอนกรีต ทำให้ชาวบ้านได้รับความสะดวกสบาย การติดต่อซื้อขายและรับบริการต่างๆเป็นไปอย่างรวดเร็วกว่าอดีต การพัฒนาระบบน้ำประปาภูเขา ทำให้ชาวบ้านได้รับความสะดวกสบายมากขึ้นกว่าอดีต เนื่องจากไม่ต้องลงไปอาบน้ำ ซักผ้าที่ลำน้ำลาง หรือเดินไปแบกน้ำจากที่ไกลเพื่อมาใช้ในครัวเรือน การเข้ามาของไฟฟ้า ทำให้ชาวบ้านได้มีโอกาสใช้เครื่องมือเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ทำให้ชีวิตของชาวบ้านเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก โดยเฉพาะโทรทัศน์ที่มีการติดตั้งเครื่องรับสัญญาณผ่านจานดาวเทียม ทำให้ชาวบ้านสามารถรับรู้เรื่องราวต่างๆจากสังคมภายนอกได้รวดเร็ว ทำให้เกิดการเรียนรู้หรือเลียนแบบสังคมภายนอก เป็นต้น (หน้า 46 -49) ในอดีตชาวบ้านสามารถบุกเบิกพื้นที่ป่าเพื่อทำไร่ ทำสวนได้อย่างเสรี สามารถล่าสัตว์ป่า แต่ปัจจุบันเจ้าหน้าที่เริ่มเข้ากวดขันมีการห้ามบุกรุกพื้นที่ป่า ห้ามล่าสัตว์ป่า ห้ามโค่นต้นไม้ และห้ามจับจองกรรมสิทธิ์เจ้าของที่ดิน(หน้า 53,61) ปัจจุบันบทบาททางสังคมของผู้นำสังคมดั้งเดิมเริ่มมีความสำคัญน้อยลง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ชาวบ้านทุกคนต่างให้การนอบน้อม และยอมรับบุคคลของรัฐ และเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานพัฒนาต่างๆ (หน้า 66) เดิมชาวบ้านในชุมชนปลูกสร้างเรือนด้วยวัสดุธรรมชาติที่หาได้ในท้องถิ่น ต่อมาเมื่อการพัฒนาความเจริญเข้าสู่ชุมชน ชาวบ้านเริ่มมีการสะสมรายได้ไว้เพื่อปลูกบ้านถาวรที่มีรูปแบบทันสมัยตามอย่างแบบบ้านในสังคมเมือง รูปแบบและขนาดของบ้านยังกลายเป็นสิ่งที่แสดงออกถึงฐานะ ช่วยทำให้คนในสังคมยอมรับนับถือผู้เป็นเจ้าของบ้านมากขึ้น (หน้า 69) |
|
Map/Illustration |
- แผนที่แสดงเส้นทางเข้าสู่หมู่บ้านถ้ำลอด อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน (หน้า36) - แผนที่แสดงบริเวณหมู่บ้านถ้ำลอด อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน (หน้า36) - สภาพที่ตั้งชุมชนชาวไทยใหญ่หมู่บ้านถ้ำลอด (หน้า 117) - สภาพถนนภายในบริเวณหมู่บ้านถ้ำลอด บางช่วงยังไม่ทำถนนคอนกรีต (หน้า 117) - ลักษณะบ้านเรือนแบบดั้งเดิมของชาวไทยใหญ่ (หน้า 117) - ลักษณะบ้านเรือนที่มีการสร้างแบบถาวรแทนแบบดั้งเดิม (หน้า 117) - ลักษณะบ้านตามชายขอบรอบหมู่บ้านของคนต่างด้าวที่อพยพเข้ามาใหม่ (หน้า 117) - สภาพลำน้ำลางบริเวณที่ไหลผ่านด้านข้างของหมู่บ้านถ้ำลอด (หน้า 118) - ชาวบ้านกำลังไปทำบุญที่วัด (หน้า 119) - ขบวนแห่กฐินของชาวบ้านถ้ำลอด เพื่อพัฒนาการศึกษาของโรงเรียน (หน้า 119) - ชาวบ้านกำลังช่วยกันทำขนมเพื่อเลี้ยงแขกที่มาร่วมงานทอดกฐิน (หน้า 119) - พระสงฆ์กำลังนำขบวนแห่ศพไปฌาปนกิจ (หน้า 120) - ขบวนแห่ศพไปเผา (หน้า 120) - โลงผีแมนที่วางอยู่ในถ้ำน้ำลอดปัจจุบัน (หน้า 120) |
|
|