สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ลีซู(ลีซอ),ศาสนา,การรักษาโรค,ภาคเหนือ,ประเทศไทย
Author E. Paul Durrenberger
Title Lisu Religion
Document Type รายงานการวิจัย Original Language of Text ภาษาอังกฤษ
Ethnic Identity ลีซู, Language and Linguistic Affiliations จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan)
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน) Total Pages 43 Year 2532
Source Center for Southeast Asia Studies on Southeast Asia, Northern Illinois University
Abstract

ผู้ศึกษานำเสนอการวินิจฉัย หาสาเหตุ และ การรักษาการเจ็บป่วย ตามความเชื่อ ความศรัทธาของลีซูที่มีต่ออำนาจเหนือธรรมชาติ, วิญญาณบรรพบุรุษ และวิญญาณต่างๆ ที่สามารถให้คุณให้โทษ กับมนุษย์ได้ หากผู้ใดได้ลบหลู่ ล่วงกิน หรือ ละเมิด กฎเกณฑ์ ธรรมเนียม จารีตปฏิบัติ ที่เกี่ยวพันกับวิถีชีวิตประจำวัน (หน้า 2) ผู้ศึกษาได้ยกกรณีตัวอย่าง ของการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น โดยไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด โดยได้แสดงการหาสมมุติฐานของโรคตามความเชื่อและภูมิปัญญาลีซู , ตรรกะของความสัมพันธ์ทางสังคมที่มีต่อความเชื่อนั้นๆ และ อธิบายขยายความให้เห็นแนวคิดในเรื่องของจิต, วิญญาณ หรือ ความเชื่อเกี่ยวกับผีต่างๆ ตลอดจน กรอบความคิดของตรรกะทวิลักษณ์ หรือ แนวคิดเรื่องสมดุลของคู่ต่าง (polarities) (หน้า 33) ความเจ็บป่วย เบื้องต้นเชื่อว่ามีสาเหตุมาจากการกระทำของผี ไม่ว่าจากผีบรรพบุรุษ ที่มักควบคุมดูแล ในด้านศีลธรรม ธรรมเนียม จารีต ของลูกหลาน หรือ ผีอื่นๆ ที่อยู่ในธรรมชาติ เช่น ในไร่นา, แหล่งน้ำ ที่ถูกลบหลู่ ล่วงเกิน บางกรณีรวมทั้ง โดนกระทำคุณไสย หรือ การเสกเป่า สิ่งร้ายเข้าร่างกาย จาก ผู้ที่เป็นศัตรู หรือ เกิดจากผีร้ายต่างๆ เช่น ผีตายโหง, ผีแม่มด ฯลฯ จนต้องมีการขออำนาจผีบรรพบุรุษมาเข้าทรงแจ้งสาเหตุ หรือ วินิจฉัยอาการ เพื่อจะทำการรักษาโรคกระทำอย่างถูกต้อง (หน้า 26) บางที่ต้องกระทำพิธีซ้ำหลายครั้ง เนื่องจาก เมื่อทำพิธีไปแล้ว อาการยังไม่ดีขึ้น แสดงว่าอาจมีข้อผิดพลาดในขั้นตอนของการวินิจฉัย โรคว่ามาจากสาเหตุใด อย่างไรก็ตามเมื่อท้ายที่สุดหากยังมีอาการเจ็บป่วยอยู่ ลีซู ก็ยอมรับการรักษาตามแบบแพทย์แผนปัจจุบัน ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นอิทธิผลของการเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ของลีซู บางหมู่บ้านด้วย (หน้า 42)

Focus

อิทธิพลของความเชื่อของลีซู ในการวินิจฉัย วิเคราะห์ สาเหตุของความเจ็บป่วย และ การรักษาเยียวยาความเจ็บป่วย ด้วยพิธีกรรมตามความเชื่อตามภูมิปัญญาชนเผ่า

Theoretical Issues

ไม่มีข้อมูล

Ethnic Group in the Focus

กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “ลีซู”

Language and Linguistic Affiliations

ลีซู

Study Period (Data Collection)

1968-1970 (หน้า I )

History of the Group and Community

ไม่ปรากฏ

Settlement Pattern

โครงสร้างโดยรวมของหมู่บ้านกระจายตัวตามเนินเขาซึ่งโล่งเตียน (หน้า 1) ส่วนที่เป็น ลาดเขาด้านบนสุดเป็นเขตของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น ศาลอารักษ์ และไล่ลำดับล่างลงมาเป็นพื้นที่ของการอยู่อาศัย (หน้า 33) ในหมู่บ้านไม่มีวัด ไม่มีถนน หรือ ทางเดินเท้าที่ชัดเจน (หน้า 1) บ้านเรือนของลีซู มักปลูกสร้างตามที่ลาดเขา โดยหันหน้าบ้านออกทางลาดลงเขา และหลังบ้านอยู่ในลักษณะพิงกับลาดเขา (หน้า 34)

Demography

ไม่ปรากฏ

Economy

ระบบคิดที่เกี่ยวข้องในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ลีซูแบ่งสัตว์ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ สัตว์น้ำ, สัตว์ป่า, และ สัตว์ เลี้ยงในบ้าน (หน้า 27) การแบ่งนี้สัมพันธ์กับระบบนิเวศ แสดงให้หน้าที่การใช้ประโยชน์ในแต่ละพื้นที่ ซึ่งต้องคำนึงถึงผีที่ คุ้มครองดูแลในแต่ละพื้นที่ที่ใช้สอยด้วย (หน้า 28) กล้วยที่ขึ้นในป่า นั้นถือว่าเป็นของป่า หากมีการปลูกกล้วยใน เขตหมู่บ้าน ก็จะจัดว่าไม่ใช่ของป่า ทั้งนี้การจำแนกว่าอะไรเป็นของป่าหรือไม่ ขึ้นอยู่กับประเภทของการแบ่งอาณาเขตพื้นที่เป็นเกณฑ์ (หน้า 27) ลีซูมักเลี้ยง หมู และสุนัข ภายในบริเวณบ้าน และปล่อยให้หากินเอง นอกจากนี้มีการทำไร่เลื่อนลอย (หน้า 30) ซึ่งมักอยู่ห่างไกลออกไปจากหมู่บ้าน การออกไปทำงานที่ไร่อาจใช้เวลาครั้งละหลายคืน (หน้า 1 ) บนพื้นฐานความเชื่อลีซูศักยภาพการผลิตทางเศรษฐกิจ อยู่ภายใต้พลังอำนาจของผี และขวัญของมนุษย์ เพราะหากว่ามีสิ่งใดไม่สมควร หรือไม่ถูกต้องเหมาะสม ก็จะมีผลต่อผลผลิตในไร่นา ที่เพาะปลูก (หน้า 27) นอกจากนี้ความเชื่อดังกล่าวทำให้พิธีกรรมในการเรียกขวัญ ซึ่งต้องใช้สัตว์เซ่นไหว้ และมักมีงานเลี้ยงตามมาหลังพิธีกรรมนั้นๆ ยังแสดงออกให้เห็นความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจอย่างหนึ่ง ของสังคมลีซู (หน้า 26)

Social Organization

ในสังคมลีซู ไม่มีนักปราชญ์ และผู้ทำหน้าที่อย่างนักบวชที่ปฏิบัติพิธีกรรม ตามความเชื่อ เหมือนอย่างในศาสนาอื่น (หน้า 1) มีลักษณะแสดงถึงความเสมอภาค ของสมาชิกในสังคม (หน้า 2) หัวหน้าหมู่บ้าน เป็นผู้นำชุมชน ที่จัดการหมู่บ้านร่วมกับสภา ผู้อาวุโส กลุ่มผู้ก่อตั้งหมู่บ้านเมื่อได้สถานที่ตั้งศาลอารักษ์หมู่บ้านแล้ว ก็จะทำการอธิฐานเสี่ยงทายคัดเลือก ผู้ดูแล ศาล จากกลุ่มของผู้ก่อตั้งหมู่บ้าน โดยใช้เหรียญ, เปลือกหอย หรือ ไม้ ในการเสี่ยงทายคัดเลือก ผู้ดูแลศาลอารักษ์ ต้องคอยทำความสะอาด และเปลี่ยนน้ำ ตลอดจน บูชา ปู่เจ้า ทุกๆ วันศีล (หน้า 13) หมอผีคนทรง (nip ha) จะทำการรักษาโรคที่มีสาเหตุมาจากอำนาจเหนือธรรมชาติ หรือ การกระทำของผีต่างๆ (หน้า 12) เฉพาะผู้ชายเท่านั้น ที่จะมาเป็นหมอผีคนทรง และเป็นโดยสมัครใจ หน้าที่นี้ต้องได้รับการยอมรับจากผีสายตระกูลของลีซู รวมทั้งคนในชุมชนด้วย หากรุ่นปู่ของผู้ที่จะเป็นหมอผี ไม่ได้เป็นลีซู ชายคนนั้นก็จะเป็นหมอผีคนทรงไม่ได้ เพราะเชื่อกันว่า ผีสายตระกูล จะทำการปกป้อง และ ช่วยเหลือ หมอผีคนทรงด้วย (หน้า 13, 15) บทบาทของคนทรง นั้นเป็นวิถีทางหนึ่งที่เปิดโอกาสให้กับผู้ที่มีพฤติกรรมไม่ปกติได้รับใช้คนในหมู่บ้าน คนทรงมักมีอาการบางอย่างที่ผิดปกติจากคนทั่วไป เป็นสิ่งที่แสดงว่าคนๆ นั้น อาจต้องเป็นคนทรง เช่น มักมีอาการเป็นลมอยู่บ่อยครั้ง กรณีเช่นว่านี้ได้แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ บางประการของลักษณะเฉพาะพิเศษของคนทรง กับผู้ที่มีอาการผิดปกติทางสมอง (หน้า 16) หมอคาถาอาคม (yikhwu juapha) เป็นที่มีความรู้ในเรื่องการใช้เวทมนต์ แม่หมอ (nechima jua ma) เป็นหญิงที่มีความรู้ด้านสมุนไพรในการรักษาโรคต่างๆ และโรคนั้นมีสาเหตุจากธรรมชาติ เช่น การกินของแสลง (หน้า 12) สังคมลีซู มีการแบ่งผีสายตระกูล ต่างๆ กันไป ในกรณีตัวอย่าง เป็นการเจ็บป่วยของหญิงในตระกูลปลา (หน้า 1) แนวคิดเรื่อง การขอโทษ และ การที่ต้องตอบแทนผู้มีบุญคุณในสังคมลีซู มีพื้นฐานมาจากตรรกะของทวิลักษณ์ (dualistic) หรือระบบการสร้างสมดุลของความเป็นคู่ต่าง (polarities) ในเรื่องการให้และการรับ แสดงนัยของการ ต่างตอบแทนอยู่ด้วย ( หน้า 21-24) ระบบความเชื่อเรื่องผีในสังคมลีซู มีอิทธิพลต่อการควบคุมระเบียบทางสังคม และป้องกันการทะเลาะ วิวาท โดยเฉพาะเรื่องที่ดินทำกิน (หน้า 41) ในความขัดแย้งของสมาชิกหมู่บ้านบางกรณี อาจเป็นสาเหตุให้เกิดการเจ็บป่วยขึ้นได้ โดยเชื่อกันว่า ผู้ที่ไม่พอใจ เสกเป่าอาคม หรือเวทมนตร์ ตลอดจนคุณไสยต่างๆ ให้ฝ่ายตรงข้ามได้รับผลร้าย (หน้า 17-18)

Political Organization

โดยที่ลักษณะสังคมลีซู มีการจัดการที่แสดงความเสมอภาค บางหมู่บ้านจึงไม่มีหัวหน้าหมู่บ้านอย่างเป็นทางการ หัวหน้าหมู่บ้านที่มีอยู่ มักเป็นการแต่งตั้งจากทางการของรัฐ (หน้า 2) ลีซูมีขนบธรรมเนียมที่เรียกว่า “ Yi Li” ซึ่งครอบคลุมทั้ง กฎหมาย, ศาสนา, ศีลธรรม ,ความสัมพันธ์ในสังคม, และข้อปฏิบัติ (หน้า 2) การสร้างความสมดุลให้มีขึ้นด้วยพลังอำนาจของคู่ต่าง ความสัมพันธ์ของอำนาจแสดงออกโดยระบบคู่ต่าง ที่เป็นพลังตรงข้าม สร้างสมดุล และคานอำนาจกัน ลีซูถืออำนาจด้านหนึ่งเป็นพลังบวก และอีกด้านเป็นพลังลบ พลังบวกได้แก่ ผู้ชาย, เลขเก้า, สูง , วิญญาณ , ด้านซ้าย, ขวัญ ,ฟ้า เป็นต้น ส่วนด้านลบ ได้แก่ ผู้หญิง, เลขเจ็ด , คน, ด้านขวา, พื้นดิน เป็นต้น (หน้า 26) เช่น เมื่อมีการล่วงเกินผี ทำให้มีการเจ็บป่วยของคนในบ้าน ก็ต้องลดพลัง du ด้านลบ ซึ่งต้องมีการเซ่นไหว้ และขอขมาโทษ (Sa และ Fu) ซึ่งเป็นพลังด้านดี (หน้า 33)

Belief System

ลีซูเชื่อในอำนาจเหนือธรรมชาติ นับถือผีบรรพบุรุษ และผีอื่นๆ ที่สิงสถิตอยู่ตามธรรมชาติโดยทั่วไป “Apamu hin” หรือ ศาลพ่อปู่ เป็นศาลผีอารักษ์ หมู่บ้าน ที่มีความสำคัญโดยเป็นพลังอำนาจที่ปกป้องคนในชุมชนในวันศีล ผู้ดูแลศาลจะต้องเปลี่ยนน้ำ จุดธุปบูชา บนหิ้ง ศาลอารักษ์หมู่บ้าน รวมทั้งคอยเรี่ยไร เงิน มาทำพิธีเซ่นไหว้ (หน้า 13) การจำแนก อาณาเขต หรือดินแดน จัดเป็นเขตของการอยู่อาศัย และเขตที่ไม่มีการอยู่อาศัย ในสถานที่ต่างๆ หรือเขตแดนต่างๆโดยทั่วไป ก็จะมีวิญญาณ หรือ ผี แต่ละกลุ่มคอยคุ้มครองรักษาอยู่ (หน้า 29) ในความเชื่อของ พื้นฐานแนวคิดเรื่อง ทวิลักษณ์ หรือ ขั้วต่าง ในอาณาเขตศาลอารักษ์หมู่บ้าน จะมีหิ้งผีทั้งด้านบน และด้านหลัง สะท้อนพลังสมดุลของอำนาจเหนือธรรมชาติ สำหรับหิ้งผีเจ้าเขามี 2 หิ้ง คือ หิ้งผีเจ้าเขาหลวง และ ผีรักษาเขาเชียงดาว เมื่อเรียงลำดับของชั้นผี ศาลผีบนสุดคือ ผีเจ้าเขาเชียงดาว ตามด้วย ผีเจ้าเขาท้องที่, ผีเจ้าเขาชั้นถัดๆลงมา, ศาลผีอารักษ์ และ ศาลผีบริวารผีอารักษ์ (หน้า 34) ลีซูเชื่อว่าอยู่ภายใต้พลังอำนาจของผี และขวัญของมนุษย์ การใช้ประโยชน์ในแต่ละพื้นที่ ซึ่งต้องคำนึงถึงผีที่คุ้มครองดูแลในแต่ละพื้นที่ที่ใช้สอยด้วย (หน้า 28) เมื่อเป็นเช่นนั้นการกระทำต่างๆ ต้องดูความเหมาะสม เพราะหากว่ามีสิ่งใดไม่สมควร หรือ ไม่ถูกต้องเหมาะสม ก็จะมีผลต่อผลผลิตในไร่นา ที่เพาะปลูก (หน้า 27) “niza” หรือ สายผีบรรพบุรุษ หรือ ผีสายตระกูล (หน้า 16) นี้มีการแบ่งแยกออกเป็นกลุ่มของสายตระกูลลีซูตระกูลต่างๆ การศึกษาชิ้นนี้ได้ยกกรณีตัวอย่างของการเจ็บป่วยของหญิงสมาชิกใน ผีสายตระกูลปลา (หน้า 3) วิญญาณบรรพบุรุษ นั้นหากนับขึ้นไป 3 ชั่วคน ก็ถือว่าวิญญาณนั้นเลื่อนลำดับความสำคัญ เป็นกลุ่มของวิญญาณ อารักษ์ หรือ ผีปู่ตา (หน้า 30) ความเชื่อของลีซู เกี่ยวกับชีวิตมนุษย์นั้น ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก คือ ร่างกาย และ ขวัญ (จิต) ผู้ชายนั้นเชื่อว่ามีขวัญ 9 ขวัญ และ ผู้หญิงมี 7ขวัญ (หน้า 22) ซึ่งอยู่บนพื้นฐานความเชื่อในระบบพลังด้านบวก ด้านลบ หรือ พลังอำนาจของคู่ต่าง (หน้า 27) ตัวอย่างของตรรกะแบบทวิลักษณ์ (dualistic) อันหมายถึงพลังด้านลบ และด้านบวก ที่มีการผสานกันเพื่อความสมดุลของธรรมชาติ (หน้า 27) ลมหายใจ ลีซูถือว่าเป็นสิ่งที่มีพลัง กระดูก คือ สิ่งที่ไร้พลัง ผู้ชาย ผู้หญิง ล้วนเป็นปฏิกิริยาของความสัมพันธ์ในขั้วของคู่ต่าง (หน้า33) ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ และวิญญาณ หรือตัวตนที่ไม่สามารถมองเห็นได้ มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง ตัวตน มนุษย์ แบ่งได้ เป็น 2 ส่วน ส่วนแรก เป็นการติดต่อสื่อสารกันระหว่างมนุษย์ และวิญญาณ แสดงลักษณะ ทั้งของการต่อรองต่อพลังอำนาจ ที่มนุษย์ขอความช่วยเหลือ โดยเฉพาะการรักษาอาการเจ็บป่วย เช่น ผู้ใช้อาคมเวทมนตร์, แม่หมอ (ยาสมุนไพร) และการสื่อสารผ่านการยินยอมให้วิญญาณเข้าครอบงำ เช่น คนทรง เป็นต้น อีกส่วนหนึ่ง คือ กลุ่มวิญญาณของพวกแม่มด (phyi phe) และ วิญญาณสัตว์ป่า (phwu swi) ที่จะส่งผลด้านลบต่อตัวตนของมนุษย์โดยตรง โดยการเข้าสิงของวิญญาณเหล่านั้น (หน้า 10,17,20 ) คนทรง จะทำพิธีทรงผี บรรพบุรุษ หรือทำพิธีเรียกวิญญาณแต่ละประเภท ให้ช่วยรักษาโรคนั้น มีหลายประเภท บางประเภท ก็จะทำหน้าที่เป็นคนกลางสื่อสารระหว่างวิญาณที่เป็นต้นเหตุของการเจ็บป่วย กับผู้การทำพิธีเซ่นไหว้ บางกรณีจะใช้วิญญาณบางประเภท ทำการขัดขวาง หรือ ขับไล่ การรบกวนรังควาญ ของวิญญาณ ที่เป็นสาเหตุ โดยตรง (หน้า 10) ลีซูเชื่อว่าผู้ที่เป็นคนทรงมีข้อห้ามในการกินอาหารบางอย่าง และล่าสัตว์บางชนิด เช่น ลิง (หน้า 15) การเสี่ยงทาย ตับหมู กระดูก ไก่ ทีคนทรงใช้เซ่นไหว้ เพื่ออ่านคำทำนายว่า การประกอบพิธีกรรมต่างๆ ว่าเป็นที่พอใจแก่ผีหรือไม่ (หน้า 7) เพราะเชื่อว่าจะทำให้หายจากอาการเจ็บป่วย อาการเจ็บป่วยที่พบมักเชื่อว่า มาจากสาเหตุส่วนหนึ่งของอาการขวัญหาย ร่วมอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นกรณีของการที่ไปกระทำการลบหลู่ล่วงเกินผีต่างๆ หรือ การโดนคุณไสยก็ตาม ดังนั้นการทำพิธี เรียกขวัญ ของคนป่วยให้กลับมา จึงเป็นกระบวนการสำคัญ เห็นได้จากการเรียกขวัญให้ข้ามสะพานกลับมาที่ร่างของตนป่วย โดย จำลองสะพานเล็ก ในบริเวณบ้าน พร้อมโยงสายสิญจน์ หรือ ด้ายขวัญ มาจากสะพาน เพื่อเรียกขวัญ หากเป็นกรณีที่การรักษาอาการของการที่มีคุณไสย หรือ คนป่วยโดนคาถา อาคม ก็มีพิธี ร่ายมนต์ ขจัดปัดเป่าให้สิ่งร้ายนั้นออกไป พร้อมกับการใช้ซีกไม้ไผ่จุดไฟ พ่นน้ำมันเป่า พร้อมกันไปด้วย (หน้า 7) สำหรับผู้ที่เรียนคาถาอาคม มีข้อห้ามที่เคร่งครัด เช่น ห้ามลอดเสื้อผ้าผู้หญิง ห้ามก้าวข้ามรางข้าวหมู เป็นต้น บางกรณี ต้องอาศัยผู้มีความรู้ทางเวทมนต์มาช่วยรักษา ต้องมีการเรียนเกี่ยวกับคาถา เวทมนต์ สำหรับเสกเป่า กำกับยานั้นๆด้วย (หน้า 17) ลีซูมีการกำหนดชื่อวันในแต่ละรอบ 12วัน เป็นชื่อสัตว์ เช่นเดียวกับการนับเดือน เหมือนการนับรอบ 12 เดือน และ ปี อย่างปีนักษัตรจีนระบบนิเวศน์ของลีซู แบ่งเป็นดิน และ น้ำ ส่วนของพื้นดิน ก็แบ่ง ย่อยออกไปอีก เป็นที่อยู่อาศัย กับ ป่า และในประเภทที่อยู่อาศัย ก็แยกย่อยเป็น การอยู่อาศัย กับ พื้นที่ทำกิน (หน้า 28) ในระบบนิเวศน์นี้จะสัมพันธ์กับความเชื่อเกี่ยวกับผี หรือ วิญญาณที่สิงสถิตอยู่ ในอาณาบริเวณต่างๆ ตั้งแต่ ดินแดนพื้นโลกทั่วไป แยกย่อย เป็นลำดับ จนถึงหมู่บ้าน และบ้านเรือน ลีซูได้จัดลำดับความสำคัญของผี ในแต่ละระดับ ที่จะต้องให้ความเคารพ ลดหลั่นกันไป หากเป็นผีระดับสูง เช่น ผีอารักษ์ คุ้มครองอาณาเขตเทือกเขา ก็จะบูชา ด้วยธงกระดาษ ร่ม น้ำชายาสูบ (หน้า 29) ลีซูเชื่อว่า ความสามารถ และศักยภาพของคน ขึ้นอยู่กับโชคชะตา (myi) ที่มีมาแต่เกิด รวมทั้งการประพฤติตัวหาก ได้รับผลดีจากความขยัน ความกล้าหาญ คนนั้นถือว่า มีศักยภาพ หรือบารมี (du) โดยทั่วไปแล้ว ความมั่งคั่ง ( fwu chii) ตามความคิดของลีซู มาจาก โชคชะตา (myi) และการได้รับพร (ghe swi) ซึ่งหมายถึงพรที่มาจากการกระทำในสิ่งที่ดี สิ่งเหล่านี้เป็นเหตุผลักดันให้เกิดบารมี หรือ อำนาจ (du) ในการทำสิ่งใดให้ประสบความสำเร็จ (หน้า 21-24) ด้วยความเชื่อในเรื่องผีนี้ (khu) รวมทั้งความเชื่อเกี่ยวกับโชคชะตา (myi) มีแนวคิดที่คล้ายกับศาสนาพุทธเถรวาท ที่คนฉาน หรือคนไทยพื้นราบนับถือในเรื่องของกรรมและวาสนาบารมีด้วย (หน้า 21,42) ระบบความเชื่อเรื่องผี ในสังคมลีซู ทั้งผีบรรพบุรุษในสายตระกูลต่างๆ และ ผีอารักษ์ ที่อยู่ตามธรรมชาติ โดยทั่วไป มีอิทธิพลต่อการควบคุมระเบียบทางสังคม และ ดำรงไว้ซึ่งโลกทัศน์ลีซู ในความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติรอบตัว ( หน้า 2,41)

Education and Socialization

ความรู้เกี่ยวกับการรักษาโรคด้วยสมุนไพรนั้น มักถ่ายทอดกันในครอบครัว แม่ถ่ายทอดให้ลูกสาว เชื่อกันว่าเมื่อแม่ตาย วิญญาณของหมอยา ก็จะตกไปสู่ลูกสาวทันที บ้างก็เป็นการเรียนรู้ระหว่างแม่ครู กับ ลูกศิษย์หญิง การเรียนเช่นว่านี้ต้องมีการจ่ายค่าครู หรือค่าวิชาด้วย (หน้า 17)

Health and Medicine

ลีซู มีความเชื่อเกี่ยวกับวิญญาณต่างๆ และอำนาจเหนือธรรมชาติ ดังนั้น สาเหตุของโรคภัยไข้เจ็บ ตามทฤษฎีเหตุผลสัมพันธ์ คือ การล่วงละเมิด หรือ ลบหลู่ วิญญาณต่างๆ รวมทั้งการกระทำที่ผิดพลาด หรือไม่ความเคารพต่อผี (วิญญาณ) ที่คุ้มครองอยู่ใน สถานที่ต่างๆ ที่มนุษย์เข้าไปเกี่ยวข้อง เช่น ไร่นา, แหล่งน้ำ ฯลฯ การหาสาเหตุเบื้องต้น ต้องจำแนกก่อนว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติ หรือ เหนือธรรมชาติ นั้นมีหลายปัจจัยประกอบซึ่งมักได้รับการอธิบายในด้านของ กายภาพ (mechanical) และ จิตใจ (intentional) (หน้า 10) การรักษาแบ่งเป็น 2 ประเภท 1. การรักษาตามธรรมชาติ เป็นกรณีรักษาอาการที่เกี่ยวข้องกับร่างกายผู้ป่วย 2. การรักษาอาการมีความสัมพันธ์กับอำนาจเหนือธรรมชาติ เป็นเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับขวัญ มีการรักษาที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรม ( มีพื้นฐานความเชื่อ ของการสร้างสมดุลในแนวคิด ทวิลักษณ์ทรรศนะ) (หน้า 11) ทฤษฎีการหาสมุฏฐานโรค เริ่มจากการซักประวัติผู้ป่วย การวิเคราะห์อาการ เป็นข้อมูลเบื้องต้น เพื่อหาประเภทของวิญญาณ ที่เป็นตัวการ ที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยเช่นนั้นขึ้น เมื่อได้ข้อมูลเบื้องต้นแล้ว ทำให้ง่ายต่อการขอความช่วยเหลือ จากอำนาจ หรือ วิญญาณที่มีพลังมากกว่า ที่สามรถขจัดปัดเป่า หรือ เยียวยา มีผลหลายประการ เช่น ทำให้วิญญาณร้ายออกจากร่างคนเจ็บ, ให้วิญญาณนั้นนำโรคร้ายออกไป, บรรเทาอาการบาดเจ็บ, เรียกขวัญให้กลับมาที่ร่างคนป่วย, สร้างสมดุลให้กับภาวะจิตผู้ป่วย หากผลออกมาไม่เป็นที่พอใจ หรือ ไม่สามารถรักษาอาการนั้นๆให้หายได้ต้องมีการประกอบพิธีกรรมซ้ำอีก เพื่อจะหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป และเริ่มกระบวนการวินิจฉัยใหม่ หรือแม้ว่าจนในที่สุดอาการนั้นเกินการเยียวยารักษา ตามความเชื่อที่เกี่ยวพันกับอำนาจของวิญญาณ แล้ว มักลงความเห็นว่า เป็นอาการของโรคตามสมุฏฐานทางธรรมชาติทั่วไป (หน้า 38-40) ใน ด้านหนึ่งคนทรง หรือ หมอผี มีความสำคัญมากในการติดต่อสื่อสารกับวิญญาณ เพื่อ ระบุลักษณะประเภทของวิญญาณ และ สิ่งใดเป็นสิ่งที่ผู้ป่วยได้ล่วงละเมิด ทั้งนี้ นอกจากการเข้าทรงเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงดังกล่าว การซักประวัติของผู้ป่วยก็มีความจำเป็น เพื่อให้ทราบถึงสิ่งต่างๆที่ผู้ป่วยได้กระทำมาแล้ว ก่อนที่จะเจ็บป่วย การปัดเป่าบรรเทา คือ การทำให้วิญญาณ ที่เป็นสาเหตุของความเจ็บป่วย ด้วยการ เซ่นไหว้ มีพิธีพลีกรรม สัตว์ต่างๆ โดยมากเป็น หมู และไก่ ซึ่งขั้นตอนนี้ มักมีการสอบทาน ว่าการวินิจฉัยโรคนั้นถูกต้องหรือไม่อย่างไร เช่นการดู ตับหมู ที่ใช้ไหว้ หรือ กระดูกไก่ ที่ใช้ไหว้ และ ทำการวิเคราะห์ ตีความ (หน้า 9) ภูมิปัญญาของลีซู ในการหาสมมุติฐานโรคสรุปได้ เป็น 3 ส่วน 1. ส่วนที่เป็นข้อมูล ซึ่งมีอาการแสดงข้อมูลเบื้องต้น ประกอบกับประวัติผู้ป่วย รวมถึงการระบุสาเหตุ จากที่วิญญาณสื่อสารผ่านคนทรง 2. ส่วนที่เป็นแนวคิด หรือ ทฤษฎี นั้นเชื่อมโยงสัมพันธ์กับ สมุทฐานของโรค และ ธรรมชาติของวิญญาณประเภทต่างๆ รวมทั้ง การเสี่ยงทาย แปลข้อมูล จาก อวัยวะของสัตว์ที่ใช้ประกอบพิธี 3. ส่วนของพิธีกรรม เพื่อบำบัดความเจ็บป่วย ซึ่งขึ้นอยู่ กับแนวคิด ของสมมุตติฐานของโรค ดังนั้น ในกระบวนการเหล่านี้ จะชี้ให้เห็นว่า ประสิทธิภาพของการรักษา ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยสาเหตุจากข้อมูล ของกระบวนการดังกล่าว อวัยวะเสี่ยงทาย อาจชี้ให้เห็นว่า ของเซ่นไหว้ ไม่ถูกต้องตรงกับประเภทของวิญญาณ พิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับการรักษา ที่เชื่อว่าต้องจัดขึ้นเพื่อนำขวัญของผู้ป่วยกลับคืนมาแล้ว อาการก็จะดีขึ้น พิธีที่ทำขึ้นอย่างง่ายที่สุด คือ การนำไข่วางบนชามข้าวสาร แล้วนำเส้นด้ายมาคล้องไข่ขึ้น กล่าวคำเรียกขวัญจากนั้น จะนำด้ายไปผูกไว้กับคนป่วย (หน้า 25) พิธีเรียกขวัญข้ามสะพาน เป็นพิธีหนึ่งที่พบในกรณีศึกษานี้ มีการนำไม้มาผ่าซีก ยาวประมาณ 3 ฟุต แล้ววางบนพื้น พร้อมกับตะกร้าบรรจุไข่ดิบ ข้าวสาร และเงินรูปี จำนวนหนึ่งวางไว้ใกล้ สะพาน มีด้ายโยงตามแนวสะพานหัวท้าย เชื่อว่าผีสะพานสามารถนำขวัญของผู้ป่วยกลับคืนมาได้ เสร็จพิธีจะนำด้ายไปคล้องคอคนป่วย (หน้า 4) ตัวอย่างของกรณีที่ความเจ็บป่วยเกิดจากสาเหตุตามธรรมชาติ เช่น การกินของแสลง หรือ การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิร่างกาย ที่มีผลให้เกิดความเจ็บป่วยขึ้น มักใช้แนวคิดของการสร้างภาวะสมดุลให้เกิดขึ้น เช่น จำต้องกินอาหารบางประเภทเพื่อปรับสมดุล แต่มักมีความเชื่อแฝงอยู่ด้วย เช่น การใช้สมุนไพรในการรักษา อาจต้องใช้เวทมนตร์ คาถา เสกเป่ากำกับตัวยาให้มีประสิทธิผลมากขึ้น หรือ อาจเลือกช่วงเวลา ที่เชื่อว่า ทำให้เกิดคุณต่อการใช้ตัวยานั้น (หน้า 36 ) ยาบางประเภท ก็นำมาจากอวัยวะของสัตว์ ที่ลีซู เชื่อว่า มีพลังสร้างสมดุลให้ผลดีต่อการรักษา อย่างกรณี ผู้ที่กินเห็ดพิษ แล้วป่วย มักแนะนำให้กินเต่า เพราะเชื่อว่า เต่าสามารถกินเห็ดพิษโดยไม่มีอันตราย หรือ กรณีใช้อวัยวะของหมี และเสือดาว ให้ผู้ป่วยที่มีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศกิน เป็นต้น(หน้า 36-37)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

บ้านที่อยู่อาศัยของลีซู สร้างด้วยไม้ไผ่ โครงสร้างหลังเป็นไม้ไผ่ผ่าซีกแล้วมุงทับด้วยหญ้าแฝก (หน้า 1) มีประตูเข้าออกเพียงประตูเดียว ตรงข้ามกับหิ้งผีบรรพบุรุษที่อยู่ฝาผนังบ้านด้านในสุด (หน้า 20) บ้านเรือนของลีซู มักปลูกสร้างตามที่ลาดเขา โดยหันหน้าบ้านออกทางลาดลงเขา และหลังบ้านอยู่ในลักษณะพิงกับลาดเขา ดังนั้นโครงสร้างโดยรวมของหมู่บ้าน นั้น ลาดเขาด้านบนสุดเป็นเขตของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น ศาลอารักษ์ และไล่ตามลงมาเป็นพื้นที่ของการอยู่อาศัย (หน้า 33) พื้นที่ในบ้านลีซูนั้นแบ่งแยกโดยอาศัยความเชื่อในเรื่องของคู่ต่าง ซึ่งจำต้องสร้างสมดุลของพลังอำนาจทั้ง 2 ด้าน ข้างใต้ หรือใกล้หิ้งบูชานั้นกำหนดว่าเป็นพื้นที่ของผู้อาวุโส พื้นที่ที่อยู่ถัดออกมา และมักใกล้กับประตู เป็นพื้นที่ของคนหนุ่มสาว ซึ่งในส่วนนี้ก็ยังแยกออกเป็นพื้นที่ด้านซ้ายเป็นส่วนของผู้ชาย และ พื้นที่ด้านขวา เป็นส่วนของผู้หญิง( หน้า 34) เช่นเดียวกับโครงสร้างของบ้านที่เสาต้นใหญ่มักอยู่ด้านซ้าย และ เสาต้นที่เล็กกว่าจะอยู่ด้านขวา (หน้า 26) พบว่าพิธีกรรมต่างของลีซู นั้น การสวดมนต์ มีท่วงทำนองอย่างเพลง ซึ่ง มักมีบทเพลงในแต่ละพิธีกรรมสอดแทรกอยู่เสมอ เช่น เพลง หรือ การสวดมนต์ เรียกขวัญ , เพลงในพิธีศพ ที่ให้วิญญาณผู้ตายไปสู่โลกของคนตาย (หน้า 1,25)

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มี

Social Cultural and Identity Change

แม้ว่าลีซูสามารถเข้าถึงการรักษาในระบบของแพทย์แผนปัจจุบันได้ก็ตาม แต่ในวิถีชีวิตนั้นยังคงรักษาความเชื่อ และ การนับถือ บูชาผีบรรพบุรุษอยู่ (หน้า39 ) การเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ของลีซูบางหมู่บ้าน ก็เป็นเหตุให้ความเชื่อดั้งเดิม เกี่ยวกับผีบรรพบุรุษ และ ผีต่างๆ นั้นมีแนวโน้มจะเลือนหายไป (หน้า 42)

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ไม่มีข้อมูล

Map/Illustration

สารบัญแผนภูมิ 1.แผนภูมิแสดงขั้นตอนการรักษาโรค (หน้า 9) 2.แผนภูมิแสดงสาเหตุของการประสบเคราะห์กรรม (หน้า 12) 3.แผนภูมิแสดง บทบาทของพลังเหนือธรรมชาติ(หน้า 20) 4.แผนภูมิแสดงความสัมพันธ์ของคุณลักษณะต่างๆ (หน้า 23) 5.แผนภูมิแสดงการจำแนกพื้นที่เชิงนิเวศวิทยา (หน้า 28) 6.แผนภูมิแสดงการจำแนกประเภทเขตแดน (หน้า 29) 7.แผนภูมิแสดงวิธีการรักษา, คุณสมบัติด้านต่างๆ และ ผลลัพธ์ (หน้า 38)

Text Analyst พรนรินทร์ เพิ่มพูล Date of Report 19 เม.ย 2564
TAG ลีซู(ลีซอ), ศาสนา, การรักษาโรค, ภาคเหนือ, ประเทศไทย, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง