เสนอประกาศเขตคุ้มครองวัฒนธรรมชาวเลเร่งด่วน แก้ปัญหาชนพื้นเมืองถูกคุกคามอย่างหนัก ศาลพิพากษาให้ชาวเลราไวย์ย้ายออกจากชุมชนอีก2ราย เล็งใช้ผลตรวจสอบหลักฐานจากดีเอสไอต่อสู้คดีต่อ
โพสเมื่อวันที่ 01 ส.ค. 2559 11:08 น.
เมื่อวันที่ 10 พ.ค.59 ศาลฎีกา จังหวัดภูเก็ต พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ชาวเลราไรย์ ย้ายออกจากที่ดินในกรรมสิทธิ์ของเอกชนที่เป็นโจทย์ฟ้องร้องดำเนินคดีกับชาวเลทั้งสองรายตั้งแต่ปี 2552 นายพสิฐ์ ถาวรล้ำเลิศ ทนายความที่ติดตามคดี กล่าวว่า กรณีนี้เป็นกรณีที่มีเอกสารแสดงสัญญาซื้อขาย และไม่สามารถนำผลการพิสูจน์หลักฐานการตั้งถิ่นบานของบรรพบุรุษ ที่DSI มาประกอบการต่อสู้คดีได้ เพราะที่ดินที่อยู่นั้นเป็นแปลงแยกออกมาต่างหาก
วันเดียวกัน สำนักงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (สช.) มีเวทีประชุมเสวนาทางวิชาการ กรณีปัญหาชาวเลราไวย์จังหวัดภูเก็ตโดยมติที่ประชุมลงความเห็นร่วมกันว่า จะร่างข้อเสนอเรื่องการสร้างเขตคุ้มครองทางวัฒนธรรม ให้ชาติพันธุ์ชาวเล เพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วนในด้านสิทธิที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน และพื้นที่ทางจิตวิญญาณ ไม่ให้มีการคุกคามจากการพัฒนาด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวที่มีการพัฒนาต่อเนื่อง กระทั่งมีปัญหาข้อพิพาทที่ดิน และเกิดการคุกคามพื้นที่ทางจิตวิญญาณของชาวเลในแถบอันดามัน
พลเอกสุรินทร์ พิกุลทอง ประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในที่อยู่อาศัย พื้นที่ทำกิน และพื้นที่ทางจิตวิญญาณของชุมชนชาวเล กล่าวว่า คือ เรื่องที่ดินทำกินและอยู่อาศัยของชาวเลนั้น แทบไม่มีกฎหมายให้การคุ้มครองที่ชัดเจน มีเพียงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เท่านั้นที่ประกาศเป็นเขตวัฒนธรรมพิเศษขึ้นมา แต่ไม่มีผลในทางปฏิบัติ ดังนั้นก้าวต่อไปของการแก้ปัญหา คือ การสร้างพื้นที่คุ้มครองอย่างจริงจังและผลักดันกฎหมายที่เอื้อต่อการแบ่งปันทรัพยากรเพื่อชนเผ่าพื้นเมืองที่มีบุญคุณต่อประเทศ ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการชาวเลร่วมกับ สำนักนายกรัฐมนตรี ในวันที่12 พฤษภาคม นี้ตนจะเสนอที่ประชุมพิจารณาเรื่องพื้นที่คุ้มครองชาวเล
source : http://transbordernews.in.th/home/?p=12647
|