รำลึก 180 วันกะเหรี่ยงบิลลี่หาย จี้คลี่คลายความจริง
โพสเมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2557 09:30 น.
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 18 ต.ค. ที่สยามสมาคม กลุ่มดินสอสี และเครือข่ายกะเหรี่ยงจากจ.เพชรบุรี ราชบุรี เชียงใหม่ และตาก พร้อมทั้งเครือข่ายที่ทำงานเรื่องสิทธิมนุษยชน ร่วมกันจัดงาน 180 วัน คิดถึงบิลลี่ หลังจากนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำนักต่อสู้เพื่อสิทธิกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย หายตัวไปอย่างลึกลับ เมื่อวันที่ 17 เม.ย. ที่ผ่านมา นับเป็นเวลา 180 วัน โดยมีน.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยาบิลลี่ พร้อมลูก นางอังคณา นีละไพจิตร ประธานคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ นายสุริชัย หวันแก้ว ประธานกองทุนเราทุกคนคือบิลลี่ และพี่น้องเครือข่ายกะเหรี่ยงจำนวนมากร่วมให้กำลังใจครอบครัวบิลลี่และชาวบ้านบางกลอย ที่ยังตกอยู่ในความหวาดหวั่นจากความขัดแย้งในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายในงานมีการจัดนิทรรศการ บันทึกเหตุการณ์ 180 วัน บิลลี่หาย ซึ่งเล่ารายละเอียดตั้งแต่การเกิดเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน การเผาบ้านชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอยบนและบ้านใจแผ่นดิน จนนำมาสู่การฟ้องร้องต่อศาลปกครอง ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้นายบิลลี่หายไป ทั้งยังมีการรวบรวม รายชื่อนักต่อสู้เพื่อสิทธิและสิ่งแวดล้อมที่ถูกบังคับสูญหายและเสียชีวิตในรอบสองทศวรรษ ที่ผ่านมา รวมทั้งการให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวิถีชีวิตของพี่น้องชาวกะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่ในป่า
การแสดงดนตรีจากเด็กๆ โครงการคลองเตยมิวสิค และ คีตาญชลี และละคร“เฝ้าบ้านให้ใคร” โดย กลุ่มเยาวชนรักษ์ป่า บ้านโปงกระทิง จ.ราชบุรี นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม ผ้าป่าคังดง (โมบายกะเหรี่ยง) เพื่อรวบรวมทุนก่อตั้งกองทุนเราทุกคนคือบิลลี่ ซึ่งจะใช้เพื่อรณรงค์ปกป้องนักต่อสู้เพื่อสิทธิและสิ่งแวดล้อม
จากนั้นเป็นงานเสวนา “กองทุนเราทุกคนคือบิลลี่ เพื่อสิทธิคนชายขอบ” โดยนางอังคณา นีละไพจิตร ประธานมูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ กล่าวว่า หลังจากนายบิลลี่หายไป จึงมีความคิดว่าควรทำอะไรขึ้นมาสักอย่าง เพื่อหาความเป็นธรรมให้เขา จึงคิดหาสิ่งที่สร้างความยั่งยืน เพื่อให้ความคุ้มครองให้กับคนที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อคนอื่น หรือนักปกป้องสิทธิมนุษยชน คนเหล่านี้เป็นคนเล็กคนน้อยที่อยู่ในป่าเขา ไม่ได้หมายความว่าเขาสามารถหายไปไหนได้ จึงมีการคิดก่อตั้งกองทุนเราทุกคนคือบิลลี่ ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือนักต่อสู้ที่ทำงานเกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชน
นางอังคณา กล่าวต่อว่า ในช่วง 10 ปีมานี้มีนักสิทธิมนุษยชนที่ถูกทำให้สูญหาย หลายคดีแต่ไม่เคยมีคดีไหนมีความคืบหน้า ทั้งเรื่องของนายทนง โพธิ์อ่าน ผู้นำแรงงาน, นายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความ หรือนายบิลลี่ ฉะนั้นรัฐเองจำเป็นที่ต้องเข้ามาดูแล และให้ครอบครัวของผู้ที่สูญหายเข้าถึงความยุติธรรม มีกฎหมายที่พอเพียงที่จะนำผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้
“การต่อสู้ของคนทำงานด้านสิทธิมนุษยชนค่อนข้างโดดเดี่ยว จึงต้องตั้งขึ้นมาเพื่อให้ความคุ้มครองนักสิทธิมนุษยชน เพื่อให้กำลังใจครอบครัวของเหยื่อ รวมทั้งต้องการสื่อสารงานของบุคคลเหล่านี้ให้กับสังคมได้รับทราบ เพราะไม่ต้องการปล่อยให้คนเหล่านี้ถูกลืม ที่สำคัญต้องการนำพวกเขามาใช้เป็นแบบอย่างแก่สังคมเพื่อไม่ให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ขึ้นในสังคมไทย”นางอังคณา กล่าว
ด้านนายพฤ โอ่โดเชา นักต่อสู้เพื่อสิทธิชุมชน สมาพันธ์กะเหรี่ยงแห่งสยาม กล่าวว่า นายบิลลี่หายตัวไปแล้ว 180 วันโดยที่ยังไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร จึงอยากให้รัฐบาล และทุกคนในสังคมหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องของคนหาย เพราะการที่มีใครคนใดคนหนึ่งสูญหาย ถือเป็นความทรมานของครอบครัวพวกเขา อย่างวันหนึ่งถ้าลูกของนายบิลลี่ต้องไปเซ็นเอกสารราชการ เขาจะเซ็นสถานะของพ่อเขาว่าอย่างไร
นายพฤ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่เรื่องของนายบิลลี่ไม่ได้รับความสำคัญในสังคมไทย เพราะระบบการศึกษาของสังคมไทยพยายามทำให้กลุ่มชาติพันธุ์สูญเสียความชอบธรรม และยังไม่เคยสร้างความเข้าใจในเรื่องของกลุ่มชาติพันธุ์ ความหลากหลายของกลุ่มคนในสังคมไทย และพยายามที่จะใช้วัฒนธรรมไทยกลางกดทับความหลากหลายทางวัฒนธรรมของกลุ่มคนอื่นๆ พวกเขาจึงถูกเรียกพวกเราว่าชาวเขา ไม่ใช่ชาวเรา อีกทั้งกฎหมายก็กีดกันกลุ่มชาติพันธุ์ เช่นกฎหมายอุทยานฯ ที่พยายามบังคับให้กลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อุทยานออกจากพื้นที่
ด้านน.ส.พิณนภา กล่าวว่า อยากขอบคุณที่ทุกคนยังให้ความสำคัญกับการหายไปของพี่บิลลี่ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากรณีของพี่บิลลี่จะทำให้สังคมไทยตื่นตัวเรื่องการทำให้คนหาย และช่วยกันรณรงค์ไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีกในประเทศไทย ส่วนตัวตอนนี้กังวลเรื่องการเดินทาง เมื่อไปไหนจะชวนญาติพี่น้องไปไมค่อยมีใครกล้าไปด้วย เนื่องจากกลัวโดนลูกหลง หรือกลัวว่าตนอาจโดนทำร้ายจากคู่กรณีของพี่บิลลี่
นอกจากนี้ลูกสาวของนายบิลลี่ ยังขึ้นร้องเพลง วิถีชีวิต ซึ่งเป็นเพลงที่สะท้อนตัวตนของกลุ่มชาติพันธุ์ ที่อาศัยอยู่ในป่ามาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ โดยไม่เคยทำลายป่า เหมือนดังที่คนบนพื้นราบกล่าวหาว่ากลุ่มชาติพันธุ์เป็นพวกทำลายป่า ให้กับนายบิลลี่ โดยบอกว่า ไม่ว่าพ่อจะอยู่ไหน หนู่ยังคงคิดถึงพ่อตลอดไป
หลังจากนั้นเป็นการฉายหนังสั้นเรื่อง “วิถีชีวิต The way of lives” ที่มีนายบิลลี่เป็นผู้ร่วมถ่ายทำ ซึ่งได้รับรางวัลพิราบขาว จากมูลนิธิ 14 ตุลา และประกาศนียบัตร รางวัล รัตน์ เปสตันยี ในงานเทศกาลภาพยนตร์สั้น ครั้งที่ 18 และการ ระบำเกลียวเชือกสาละวิน โดย เด็กๆ ปกากะญอ รร.บ้านท่าตาฝั่ง จ.แม่ฮ่องสอน ก่อนจะเป็นการแสดงคอนเสิร์ตส่งใจให้บิลลี่ จาก ชิ สุวิชาน พัฒนาไพรวัลย์ และ ผองเพื่อน
ก่อนจะปิดพิธีด้วยการผู้ข้อมือเรียกขวัญให้น.ส.พิณนภา กับลูกๆ และ ชาวบ้านบางกลอย เพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการต่อสู้เรื่องสิทธิชุมชน
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReE16WTFNamczTUE9PQ%3D%3D
|