"กรรมการสิทธิ" ชี้เผาบ้านกะเหรี่ยงผิดยื่น 5 ข้อ ฟื้นวัฒนธรรมเป็นระบบ
โพสเมื่อวันที่ 06 ต.ค. 2557 08:52 น.
เหตุการณ์รื้อถอนบ้านเรือนชาวกะเหรี่ยง ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน แม้ประเด็นเหล่านี้เงียบหายไป แต่ล่าสุดกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้เข้าไปสำรวจ และหาแนวทางแก้ไขเพื่อจัดการกับปัญหาให้เป็นระบบ
นายแพทย์นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า จากหนังสือร้องเรียนของนายวุฒิ บุญเลิศ ผู้ประสานงานเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2554 ว่าระหว่างเดือนมิถุนายน 2553 ถึงเดือนกรกฎาคม 2554 เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานและเจ้าหน้าที่ทหารได้ดำเนินการผลักดัน รื้อถอน และเผาทำลายบ้านเรือนของชาวกะเหรี่ยงดั้งเดิม ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณบ้านบางกลอยบนและบ้านใจแผ่นดิน ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานโดยผู้ร้องเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ทางคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเรื่องที่ผู้ร้องกล่าวอ้างเกี่ยวข้องกับสิทธิชุมชนและสิทธิในการจัดการที่ดิน โดยมีประเด็นในการตรวจสอบ คือ การอยู่อาศัยของราษฎรชาวกะเหรี่ยง บริเวณบ้านบางกลอยบนและบ้านใจแผ่นดิน ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มีลักษณะเป็นชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมที่จะมีสิทธิอนุรักษ์ มีส่วนร่วมในการจัดการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติหรือไม่
และการใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ในการเข้าผลักดันรื้อถอน และเผาทำลายทรัพย์สินของชาวกะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่บริเวณบ้านบางกลอยบนและบ้านใจแผ่นดิน เป็นการกระทำหรือละเลยการกระทำที่กระทบต่อสิทธิชุมชนดั้งเดิมและละเมิดต่อสิทธิมนุษยชนหรือไม่
จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากผู้ร้องและผู้ถูกร้อง แล้วคณะอนุกรรมการฯ เห็นว่าการอยู่อาศัยของราษฎรชาวกะเหรี่ยงบริเวณบ้านบางกลอยบนและบ้านใจแผ่นดิน มีลักษณะเป็นสิทธิชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม เนื่องจากได้อยู่อาศัยทำกินมาก่อนการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มีการใช้ประโยชน์ในที่ดินเป็นที่ตั้งบ้านเรือน และใช้เป็นพื้นที่ทำกินหรือพื้นที่ทางการเกษตร มีวิถีการดำรงชีวิต ประเพณี วัฒนธรรม มาเป็นระยะเวลายาวนาน มีลักษณะการตั้งบ้านเเรือนอยู่อาศัยรวมกลุ่มกันเป็นชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม ย่อมได้รับความคุ้มครองจากรัฐและมีสิทธิที่จะมีส่วนร่วมกับหน่วยงานของรัฐ ในการจัดการ การบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม โดยเป็นสิทธิที่จะอยู่อาศัยทำกินในที่ดินพิพาท ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2553 เรื่อง แนวนโยบายการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง
ส่วนการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐ ในการเข้าผลักดัน รื้อถอน และเผาทำลายทรัพย์สิน ของชาวกะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่บริเวณบ้านบางกลอยบน และบ้านใจแผ่นดิน ทางคณะอนุกรรมการฯ เห็นว่าเมื่อกลุ่มชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอยบน และบ้านใจแผ่นดิน เป็นชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม ซึ่งมีสิทธิอยู่อาศัยและทำกินในที่ดินพิพาทและมีสิทธิตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 เรื่อง การแก้ไขปัญหาที่ดินในพื้นที่ป่าไม้ และมติ คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2553 เรื่องแนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง สิทธิของชาวกะเหรี่ยงกลุ่มนี้ จึงย่อมได้รับความคุ้มครองและผูกพันกับหน่วยงานของรัฐในการบังคับใช้กฎหมาย
ข้อเท็จจริงพบว่า ผู้ถูกร้องได้รับว่าเข้าทำการรื้อถอนและเผาทำลายทรัพย์สินของชาวกะเหรี่ยงกลุ่มดังกล่าวจริง โดยเป็นการกระทำจากการใช้อำนาจตาม มาตรา 20 และ มาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 จึงมีปัญหาที่จะต้องพิจารณาว่า การใช้อำนาจดังกล่าวกระทบต่อสาระสำคัญและเกินกว่ากรณีที่จำเป็นต้องกระทำหรือไม่ เมื่อสาระสำคัญของสิทธิชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม คือการได้อยู่อาศัยและการใช้ชีวิตในถิ่นที่ตนเลือกแล้ว การใช้อำนาจตามกฎหมายผลักดันและเผาทำลายทรัพย์สินของกลุ่มชาวกะเหรี่ยงที่เกิดขึ้น ย่อมทำให้ชาวกะเหรี่ยงกลุ่มดังกล่าวไม่สามารถอยู่อาศัยในถิ่นที่อยู่เดิมอีกต่อไป การใช้อำนาจดังกล่าวจึงเป็นการกระทำที่กระทบต่อสาระสำคัญแห่งสิทธิอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
การที่ผู้ถูกร้องได้กล่าวหาว่าชาวกะเหรี่ยงกลุ่มที่ร้องมีการปลูกกัญชา ซึ่งเป็นพืชยาเสพติด และเป็นกองกำลังชนกลุ่มน้อยติดอาวุธนั้น ทางคณะอนุกรรมการฯ ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่า ตั้งแต่ปี 2548–2554 สถานีตำรวจภูธรแก่งกระจาน เคยมีการจับกุมชาวกะเหรี่ยง เกี่ยวกับคดียาเสพติดเพียง 2 คดี ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับพื้นที่พิพาทแต่อย่างใด และการที่ผู้ถูกร้องอ้างว่ามีการตรวจสอบพบพื้นที่ปลูกต้นกัญชาในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานนั้น ผู้ถูกร้องไม่สามารถระบุตัวตนของเจ้าของที่ดินแปลงดังกล่าวได้ เป็นแต่เพียงคำกล่าวอ้างโดยไม่เชื่อมโยงหลักฐานว่าชาวกะเหรี่ยงกลุ่มผู้ร้องเป็นเจ้าของแปลงกัญชาดังกล่าว และผู้ถูกร้องไม่เคยได้แจ้งความดำเนินคดีในเรื่องนี้
อีกทั้งเรื่องการกล่าวอ้างว่าเป็นกองกำลังชนกลุ่มน้อยติดอาวุธ จากการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการฯ กับคณะกรรมการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยจังหวัดเพชรบุรี ไม่ปรากฏข้อมูลในเรื่องการเคลื่อนย้าย รวมไปถึงเส้นทางการขนย้ายยาเสพติดขณะนี้ทางคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้มีรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2557 ในการใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ของผู้ถูกร้องในการเข้าผลักดัน รื้อถอน และเผาทำลายทรัพย์สินของชาวกะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่บริเวณบ้านบางกลอยบน และบ้านใจแผ่นดินในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เป็นการละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2550 มาตรา 4 มาตรา 4.1 และ มาตรา 66 จึงเห็นควรกำหนดมาตรการการแก้ไขปัญหาและป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนกรณีนี้ ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1.ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงในประเด็นการเข้าผลักดัน รื้อถอน และเผาทำลายทรัพย์สินของชาวกะเหรี่ยง ที่อาศัยอยู่บริเวณบ้านบางกลอยบน และบ้านใจแผ่นดิน และสมควรยุติการดำเนินการจับกุม ข่มขู่ คุกคาม ตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 3 สิงหาคม 2553 เรื่อง แนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง และผ่อนผันให้ชาวกะเหรี่ยงกลุ่มดังกล่าวกลับเข้าไปทำกินในที่ดินเดิมทันที จนกว่าการแก้ไขปัญหาจะได้ข้อยุติ
2.ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สำรวจการถือครองที่ดินทำกินของกลุ่มชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอยบน และบ้านใจแผ่นดิน ตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 30 มิ.ย.2541 เรื่อง การแก้ไขปัญหาที่ดินในพื้นที่ป่าไม้ ให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน
3.ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกับจังหวัดเพชรบุรี แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อเยียวยา ชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ชาวกะเหรี่ยงที่ได้รับความเสียหายจากการเข้ารื้อถอน เผาทำลายทรัพย์สิน ให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน
4.ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการแก้ไขปัญหาตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 3 สิงหาคม 2553 เรื่องแนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง โดยร่วมกับจังหวัดเพชรบุรี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และตัวแทนชาวกะเหรี่ยง
5.ให้กรมการปกครอง โดยปลัดอำเภอแก่งกระจาน จัดทำโครงการเคลื่อนที่ เร่งรัดการสำรวจและให้สัญชาติไทย แก่กะเหรี่ยงกลุ่มนี้
ทั้งนี้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจะแจ้งรายงานผลการตรวจสอบและมาตรการการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน ไปยังกระทรวงวัฒนธรรม กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และกรมการปกครอง และขอทราบผลภายใน 60 วัน นับแต่ได้รับรายงานฉบับนี้.
รังสี ลิมปิโชติกุล รายงาน
http://www.dailynews.co.th/Content/Article/271640/%E2%80%98%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E2%80%99%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94+%E0%B8%A2%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99+5+%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD+%E0%B8%9F%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A
|