‘บิลลี่’ล่องหน...ทวงคืนยุติธรรม‘อาถรรพณ์แก่งกระจาน’
โพสเมื่อวันที่ 03 ต.ค. 2557 08:40 น.
"เป็นครั้งแรกนะ ที่หลักฐานชัดเจนว่า จนท.รัฐสั่งเผาบ้านเป็นร้อยหลัง นี่คือเบื้องหลัง ฮ.ตก 3 ลำ ตาย 17 คน"
"สุรพงษ์ กองจันทึก" ประธานคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติและผู้พลัดถิ่น สภาทนายความ เปิดเผยพร้อมย้อนคดีสะเทือนขวัญให้ฟังว่า เริ่มจาก 3 ปีที่แล้วเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเชิญชวนนักข่าวขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปดู "การเผาบ้านชนกลุ่มน้อยที่เข้ามาบุกรุกถางป่า"
ปฏิบัติการนี้เริ่มตั้งแต่กลางปี 2554 มีบันทึกว่าวันที่ 5-9 พฤษภาคม 2554 มีการเผาหมู่บ้านบางกลอยบนและทำลายยุ้งข้าวชาวกะเหรี่ยง 98 หลัง บริเวณ ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และยึดทรัพย์มีค่าด้วย เช่น สร้อย กำไล ฯลฯ ต่อมา 23-26 มิถุนายน มีคำสั่งให้เผาเพิ่มอีก 21 หลัง และ 11-14 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ขึ้นไปเผาซ้ำอีก แต่ครั้งนี้เป็นข่าวดัง เนื่องจากเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบก รุ่นฮิวอี้ เกิดอุบัติเหตุตกกลางป่า ขณะบินเข้าไปรับเจ้าหน้าที่อุทยานที่ตกค้างหลังภารกิจเผาบ้านเสร็จแล้ว
อุบัติเหตุ "แบล็กฮอว์กดาวน์" นั้น ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ลำเดียว แต่ลำที่บินขึ้นไปช่วยอีก 2 ลำก็ตกด้วย สร้างความงุนงงให้แก่ผู้ติดตามข่าวเป็นอย่างมาก เพราะมีนักบิน ทหารและนักข่าว เสียชีวิตรวมถึง 17 คน ภายในเวลาไม่ถึง 10 วัน ได้แก่ วันที่ 16 กรกฎาคม ฮ.ลำที่ 1 ตก เสียชีวิต 5 คน, 19 กรกฎาคม ฮ.ลำที่ 2 ตก เสียชีวิต 9 คน และลำสุดท้าย 24 กรกฎาคม เสียชีวิต 3 คน หลายคนมองว่านี่คือ "อาถรรพณ์แก่งกระจาน" ส่งเสียงให้สังคมรับรู้เบื้องหลังบางอย่างที่เกิดขึ้น !?!
"ตอนนั้นคนรู้เพียงว่า ฮ.ทหารเข้าไปช่วยเจ้าหน้าที่อุทยานแก่งกระจานที่ติดค้างในป่า แต่ไม่มีใครสงสัยว่าทำไมเจ้าหน้าที่กลุ่มนั้นต้องเข้าไปในป่าด้วย จนกระทั่งสืบค้นได้ว่า พวกเขาเข้าไปตามคำสั่งให้เผาบ้านคนไทยกลุ่มหนึ่งที่มาบุกรุกป่า ช่วงนั้นข้อมูลทุกอย่างสับสนมาก เพราะชาวบ้านเริ่มออกมาเรียกร้องความยุติธรรม พวกเขาอาศัยอยู่มาเป็น 100 ปีแล้ว กรมอุทยานฯ ไปประกาศพื้นที่ป่าสงวนทับซ้อนบ้านของพวกเขาเมื่อ 30 ปีมานี้เอง แต่จุดสะเทือนใจไปกว่านั้น คือนายบิลลี่ หรือ พอละจี รักจงเจริญ ตัวแทนชาวบ้าน ผู้ออกมาร้องเรียนว่าบ้านถูกเผา โดนคำสั่งมืดให้อุ้มหายไปกลางดึก วันนี้ผ่านไปแล้ว 5 เดือน ยังไม่มีใครหาบิลลี่เจอ" สุรพงษ์ กองจันทึก เล่าให้ฟัง
นี่คือจุดเริ่มต้น ทำให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ติดตามทำรายงานข้อเท็จจริง "อาถรรพณ์แก่งกระจาน" จนล่าสุด ได้ข้อสรุปเป็นรายงานเอกสารวันที่ 17 กันยายน 2557 ว่า
การกระทำของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ ที่เข้าไปรื้อถอนและเผาทำลายทรัพย์สินชาวบ้านที่อาศัยอยู่ดั้งเดิมก่อนประกาศเขตป่าอุทยานแห่งชาตินั้น ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เนื่องจากคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า ตรวจสอบพบว่า ราษฎรชาวไทยภูเขาเผ่ากะเหรี่ยงบริเวณบ้านบางกลอยบนและบ้านใจแผ่นดิน เป็นหมู่บ้านดั้งเดิม ประชากรมีอาชีพเพาะปลูกเพื่อยังชีพและหาของป่า สำรวจมาตั้งแต่ พ.ศ.2526 ก่อนจัดทำทะเบียนราษฎรชาวไทยภูเขา ปี 2531 รวม 71 ครอบครัว 367 คน เนื่องจากชาวบ้านกลุ่มนี้ตั้งบ้านเรือนอยู่เป็นชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม จึงมีสิทธิอาศัยและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ตามมติคณะรัฐมนตรี 30 มิถุนายน 2541
ดังนั้น คณะกรรมการสิทธิฯ จึงขอให้กรมอุทยานฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาดำเนินการดังนี้ 1.ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเรื่องการเผาและทำลายทรัพย์สินหมู่บ้านบางกลอยบนและบ้านใจแผ่นดิน รวมถึงให้เลิกจับกุม ข่มขู่ คุกคาม ชาวบ้าน และผ่อนผันให้สามารถกลับเข้าไปทำมาหากินในที่ดินเดิมทันที จนกว่าการแก้ไขปัญหาจะได้ข้อยุติ
2.ให้แก้ไขปัญหาที่ดินในพื้นที่ป่าไม้ ให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับแต่ได้รับรายงานฉบับนี้ 3.ให้กรมอุทยานฯ ร่วมกับ จ.เพชรบุรี แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อเยียวยา ชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายจากการเผาทำลายทรัพย์สินให้เสร็จภายใน 60 วัน นับแต่ได้รับรายงานฉบับนี้ 4.ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง ให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับแต่ได้รับรายงานฉบับนี้ 5.ให้กรมการปกครองโดย อ.แก่งกระจาน จัดทำโครงการเคลื่อนที่ เร่งรัดการสำรวจ และให้สัญชาติไทยแก่กะเหรี่ยงกลุ่มนี้ ให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับแต่ได้รับรายงานฉบับนี้
"สุรพงษ์ กองจันทึก" ตัวแทนสภาทนายความที่เกาะติดคดีนี้อย่างใกล้ชิด เปิดเผยความรู้สึกว่า เป็นคดีแรกที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ออกมายอมรับเองว่าเผาไล่ชาวบ้าน มีหลักฐานชัดเจนขนาดพากลุ่มผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปดูผลงานการเผาวางเพลิงด้วย บ้านถูกเผาไปกว่า 100 หลัง พอชาวบ้านออกมาร้องเรียน ผู้นำชาวบ้านอย่าง อ.ทัศน์กมล โอบอ้อม ถูกยิงเสียชีวิต ต่อมาอัยการส่งฟ้อง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เป็นจำเลย ฐานจ้างวานฆ่า และบิลลี่ก็ถูกอุ้มหายไปอย่างไร้ร่องรอย
"ในส่วนของคำสั่งคณะกรรมการสิทธิฯ ก็ต้องรอดูว่ากรมอุทยานฯ จะทำตามไหม ส่วนคดีฟ้องร้อง มีชาวบ้าน 6 ครอบครัวแล้วที่ฟ้องศาลปกครองกลางตั้งแต่ปี 2556 ขอให้จ่ายค่าชดเชย 9.5 ล้านบาท คดีนี้จะเป็นคดีตัวอย่าง ทำให้สังคมรับรู้และเข้าใจเรื่องสิทธิชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมมากขึ้น" สุรพงษ์ กล่าวทิ้งท้ายอย่างมีความหวัง
http://www.komchadluek.net/detail/20141003/193311.html
|