ชาวไทยภูเขาเผ่ากระเหรี่ยง รวมตัวกันร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.อุทัยธานี
โพสเมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2557 09:34 น.
ที่จังหวัดอุทัยธานี จากกรณีที่มีการเปิดยุทธการทวงคืนผืนป่า ตามแผนปฏิบัติการปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เพื่อทวงคืนผืนป่าที่มีการบุกรุกกับมาเป็นของรัฐ ในพื้นที่วนอุทยานห้วยคต อำเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งมีพื้นที่ถูกบุกรุกก่อนปี 2547 หรือในบล็อก จำนวน 284 แปลง เนื้อที่ถูกบุกรุก จำนวน 3,470 ไร่ และพื้นที่บุกรุกหลังปี 2547 หรือนอกบล็อก จำนวน 91 แปลง เนื้อที่ถูกบุกรุก จำนวน 2,800 ไร่ ซึ่งเจ้าหน้าระบุว่าเป็นที่ที่มีการบุกรุกจริง และมีหลักฐานจากภาพถ่ายดาวเทียมที่มีการถ่ายภาพก่อนและหลังเอาไว้ จนสร้างความไม่พอใจแก่ชาวบ้าน โดยเฉพาะชาวไทยภูเขาเผ่ากระเหรี่ยง ที่ทางภาครัฐเปิดยุทธการทวงคืนผืนป่าในครั้งนี้
ชาวไทยภูเข่าเผ่ากระเหรี่ยง ที่มีที่อยู่อาศัยและพื้นที่ทำกินในเขตวนอุทยานห้วยคต ในตำบลทองหลาง อำเภอห้วยคต จึงได้รวมตัวกันประมาณ 50 คน เดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดอุทัยธานี เพื่อยื่นหนังสือและร้องขอความเป็นธรรมกับศูนย์ดำรงธรรม ต่อการเปิดยุทธการทวงคืนผืนป่า โดยชาวไทยภูเขาเผ่ากระเหรี่ยงอ้างว่า เป็นพื้นที่ทำกินมาหลายชั่วอายุคนแล้วหากถูกยึดคืนไปก็จะไม่มีพื้นที่ทำกินอีกต่อไป และการที่เจ้าหน้าที่ให้เวลาน้อยเกินไป ทั้งพื้นที่ที่มีการบุกรุกก่อนปี 2547 หรือพื้นที่ในบล็อก ให้เวลาทำกินเพียงอีก 3 ปี และพื้นที่บุกรุกหลังปี 2547 หรือพื้นที่นอกบล็อก ให้เวลาเพียง 1 ปี จะต้องออกจากพื้นที่ทันที และจะถูกดำเนินคดี หากไม่ยอมคืนพื้นที่หรือออกจากพื้นที่ไป ซึ่งชาวไทยภูเขาเผ่ากระเหรี่ยง บอกว่าให้เวลาน้อยเกินไป จึงขอให้มีการผ่อนปรน ให้เป็นระยะยาวกว่านี้
ซึ่งทางด้านนายขจรชัย วัฒนาประยูร ปลัดจังหวัดอุทัยธานีเป็นตัวแทนผู้ว่าราชการจังหวัด รับหนังสือจากชาวไทยภูเขาเผ่ากระเหรี่ยง และทำการพูดคุยกันเพื่อตกลงปัญหา โดยรับปากกับชาวไทยภูเขาเผ่ากระเหรี่ยง จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอมติผ่อนปรนเพื่อแก้ไขปัญหาเบื้องต้น เพื่อให้ผลกระทบกับชุมชนชาวไทยภูเขาเผ่ากระเหรี่ยงให้น้อยลง ทั้งนี้หากต้องมีการยึดพื้นที่จริงตามกฎหมาย ก็จะมีการพิจารณาหาพื้นที่ทำกินให้ใหม่ โดยการจัดสรรจาก สปก.ต่อไป จึงสร้างความพอใจกับชาวไทยภูเขาเผ่ากระเหรี่ยง แยกย้ายกันเดินทางกลับบ้าน
: http://thainews.prd.go.th/centerweb/News/NewsDetail?NT01_NewsID=TNSOC5709170010014#sthash.vqYaTtLs.dpuf
|