ผูกข้อมูอเรียกขวัญ "ครอบครัวบิลลี่" วอนนำเข้าสู่กระบวนการคดีพิเศษ
โพสเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2557 13:39 น.
องราวการหายตัวไปของ “บิลลี่” หรือ นายพอละจี รักจงเจริญ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน แกนนำชาวบ้านกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
ยังคงเป็นปริศนาไม่ทราบชะตากรรมเป็นตายร้ายดีอย่างไร หลังสูญหายไปนานกว่า 3 เดือนแล้ว ?
นอกจากสื่อมวลชนยังคงให้ความสนใจ เกาะติดความคืบหน้าเรื่องนี้ต่อเนื่องแล้ว ทางกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ได้พยายามจะกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนการทำ “บัญชีขาว”ให้เป็นรูปธรรม โดยจะกำหนดคำนิยามของ “บุคคล”ที่เป็นผู้ที่สมควรได้รับการปกป้องหรือต้องได้รับการดูแล เช่น ผู้แทนชุมชนในการเรียกร้องและสุ่มเสี่ยงจะถูกประทุษร้าย รวมไปถึงเตรียมหารือถึงหน่วยงานที่จะเข้ามาเป็นผู้รับผิดชอบขึ้นชื่อบุคคลในบัญชีขาว หน่วยงานใดที่จะเข้ามารับหน้าที่ให้การดูแลคุ้มครอง
ที่สำคัญคือจะมีวิธีการปกป้องกลุ่มคนเหล่านี้อย่างไร ? ก่อนหน้านี้กรรมการสิทธิฯ ได้เคยเปิดเวทีสาธารณะในกรณีดังกล่าว แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปของผู้ที่จะเข้ามารับผิดชอบอย่างเต็มตัว แต่ก็ยังดีเพราะถือเป็นแสงสว่างในปลายอุโมงค์ที่ยังมีภาครัฐให้ความสนใจกับชาวบ้านคนธรรมดาแต่เป็นนักต่อสู้ทางสิทธิมนุษยชน
อย่างไรก็ดีกลางเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดเพชรบุรี ผู้พิพากษาได้มีคำสั่งให้ยกคำร้องคดีที่ น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยานายพอละจี หรือบิลลี่ ได้ร้องให้ศาลได้ไต่สวนฉุกเฉินเพราะเชื่อว่านายบิลลี่ อาจยังถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวอยู่ โดยศาลสรุปว่า พยานหลักฐานที่ผู้ร้องนำมาเหล่านี้ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะทำให้เชื่อได้ว่านายพอละจี ยังคงอยู่ในความควบคุมจึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
แม้จะยังไม่มีใครทราบเบาะแสของบิลลี่ ที่หายตัวไปครบ 100 วันแล้ว แต่ทางครอบครัวก็ตัดสินใจจัดงานเพื่อให้กำลังใจครอบครัวของบิลลี่ ที่เหลือเพียงภรรยา และลูกๆที่ยังเล็กทั้งสิ้น นายเกรียงไกร ชีช่วง เครื่อข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรม เขตงานตะนาวศรี กล่าวว่า ทางเครื่อข่ายฯได้จัดงาน “ผูกข้อมือ เรียกขวัญเดือนเก้า กินข้าวห่อ ร้อยวันบิลลี่หายไป” เพื่อเป็นการย้ำเตือนให้ทุกฝ่ายเร่งติดตามหาตัวนายบิลลี่ ช่วงนี้ชาวกะเหรี่ยง ทางด้านราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ถือว่า เป็นเดือน 9 ทางจันทรคติ จะจัดให้มีพิธีผูกข้อมือเรียกขวัญ เรียกว่า ไค่จุ๋งลาค๋อก หรือแปลว่า ผูกข้อมือ เดือนตะกวดจำศีล ถือว่าเป็นเดือนแรงความเจ็บป่วยจะมาเยือน ชาวกะเหรี่ยงส่วนใหญ่จะไม่เข้าป่าอยู่แต่บ้าน
“ต่อมาเมื่อพี่น้องชาวกะเหรี่ยง หลายคนที่ออกไปทำงานยังที่อื่นก็จะอาศัยช่วงเดือนนี้ กลับมายังหมู่บ้านเพื่อให้ผู้ใหญ่ที่ตนนับถือ ทำพิธีผูกข้อมือ เพื่อเรียกขวัญ เพราะชาวกะเหรี่ยงเชื่อว่าขวัญของแต่ละคนจะติดตามตัวไปไหนมาไหนด้วย แต่ในปีนี้ บิลลี่ไม่มีโอกาสกลับมาเข้าพิธีผูกข้อมือเรียกขวัญ ทางเครื่อข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรม เขตงานตะนาวศรี จึงร่วมกันจัดพิธีเพื่อตอกย้ำว่า บิลลี่หายไปไหน ทั้งๆที่ควรจะกลับมาอยู่กับครอบครัว”นายเกรียงไกร กล่าวทิ้งท้าย
เรื่องราวการหายตัวไปของบิลลี่ ค่อนข้างได้รับการกล่าวขานในเวทีนักต่อสู้ด้านสิทธิมนุษยชนทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ ทีมข่าวเดลินิวส์ มีโอกาสพูดคุยกับ นายคิงส์ลีย์ แอบบ็อต ที่ปรึกษากฎหมายระหว่างประเทศ คณะกรรมการนิติศาสตร์สากล (ICJ) ให้สัมภาษณ์ว่า ไอซีเจเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศ ทำงานด้านกฎหมายระหว่างประเทศสิทธมนุษยชน และหลักนิติธรรมทั่วโลก ที่ผ่านมาสำหรับประเทศไทยได้ทำงานสิทธิมนุษยชนในจังหวัดชายแดนใต้ ติดตามเรื่องการบังคับให้บุคคลสูญหาย หรือ อุ้มหาย มาโดยตลอด เช่น คดีอุ้มหายทนายสมชาย
นายคิงส์ลี่ย์ กล่าวต่อว่า ไอซีเจได้ให้ข้อมูลจากทางการไทยว่ากำลังมีการสืบสวนสอบสวนกรณีการหายตัวไปของนายบิลลี่ อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ซึ่งทางไอซีเจมีความห่วงกังวลสงสัยว่านายบิลลี่ อาจจะถูกบังคับให้หายตัวไป ซึ่งเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ จึงอยากเสนอว่า คดีดังกล่าวควรได้รับการสอบสวนโดย กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าอาจมีเจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนฯ
คดีนี้ทำให้เกิดความตื่นตัวอย่างมากในประเทศไทยและนานาประเทศ รัฐบาลไทยต้องแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติตามพันธกรณีและความสามารถที่จะดำเนินการสอบสวนอย่างรอบด้าน น่าจะถึงเวลาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ต้องตระหนักว่าคดีนี้เป็นคดีพิเศษและจำเป็นต้องได้รับการสอบสวนด้วยความชำนาญเป็นพิเศษ เพราะเห็นว่าคดีที่มีความซับซ้อนจึงจำเป็นต้องมีการสอบสวนอย่างพิเศษ
รัฐบาลไทยได้ลงนามรับรองความร้ายแรงของอาชญากรรมการบังคับบุคคลให้สูญหาย และแสดงพันธกิจที่จะแก้ไขปัญหานี้ โดยได้ลงนามในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บุคคลสูญหาย เมื่อวันที่ 9 ม.ค.2555 อนุสัญญาฉบับดังกล่าวเน้นย้ำสิทธิโดยสมบูรณ์ที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อการบังคับบุคคลให้สูญหาย และกำหนดให้รัฐภาคีมีพันธกรณีที่จะต้องออกกฎหมายเพื่อเอาผิดทางอาญาต่อความผิดดังกล่าว
รังสิ ลิมปิโชติกุล : รายงาน
“ดีเอสไอ”ลงพื้นที่
ก่อนหน้านี้วันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติการคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักปฏิบัติการพิเศษ ได้ลงพื้นที่ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ตามคำสั่งพล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ อธิบดีดีเอสไอ ที่ต้องการตรวจสอบข้อมูลการหายตัวไปของนายบิลลี่ ให้ชัดเจน โดยสั่งให้สืบสวนหาข่าวคู่ขนานไปกับสภ.แก่งกระจาน และตำรวจ ภ.จว.เพชรบุรี ซึ่งได้ดำเนินการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลหลายครั้งและสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องหลายปาก แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ ส่วนจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่นั้นต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.)ที่จะพิจารณาในที่ประชุม กคพ.ต่อไป
http://www.dailynews.co.th/Content/Article/255307/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%8D+%E2%80%98%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88%E2%80%99+%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9
|