ฟังปัญหา
โพสเมื่อวันที่ 17 มิ.ย 2557 12:47 น.
การหายไปของ “บิลลี่” หรือนายพอละจี รักจงเจริญ แกนนำชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ถึงตอนนี้เรื่องยังอยู่ในชั้นศาล แต่หน่วยงานรัฐและองค์กรอิสระได้ลงพื้นที่หาแนวทางจัดการที่ดินทำกินของ “กะเหรี่ยง แก่งกระจาน” ให้เป็นระบบมากขึ้น ซึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช มีคำสั่งย้าย นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ออกจากพื้นที่
นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธานอนุกรรมการด้านที่ดินและป่าไม้ ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า การลงพื้นที่บ้านโป่งลึก-บางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานอพยพชาวบ้านกะเหรี่ยงจากหมู่บ้านบางกลอยบนมาไว้ที่บ้านบางกลอยล่าง ทำให้ต้องประสบความลำบากเพราะขาดแคลนที่ดินทำกิน กระทั่งเกิดเหตุการณ์หายตัวไปของนายบิลลี่ แกนนำชาวบ้านที่เคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิของชาวบ้านบางกลอย ซึ่งมีการเชิญตัวแทนจากกรมอุทยานฯ และตัวแทนจากมูลนิธิปิดทองหลังพระ เพื่อมารับฟังความคิดเห็นจากชาวบ้านในพื้นที่ครั้งนี้
พบว่ามีชาวบ้านบางส่วน อาศัยอยู่ในพื้นที่บ้านบางกลอยบนมาก่อนที่หน่วยงานรัฐจะผลักดันลงมายังบ้านบางกลอย และบ้านโป่งลึก เมื่อปี 2539 ชาวบ้านกลุ่มนี้ยังคงดำรงชีวิตตามวิถีชุมชนท้องถิ่นสามารถดำเนินการตามแนวทางเศรษฐกิจชุมชน ตามรัฐธรรมนูญ มาตราที่ 83 ในเรื่องของสิทธิชุมชน รวมถึงการนำเอามติคณะรัฐมนตรี เมื่อ 3 สิงหาคม 2553 มาปรับใช้ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้าไปดำเนินการกับชาวบ้านกลุ่มนี้ว่ามีสิทธิอย่างไรบ้าง โดยต้องมีการสำรวจจำนวนประชากร รวมไปถึงการทำข้อตกลงร่วมกันระหว่างอุทยานฯ กับชาวบ้าน ในการหาทางที่จะอยู่ร่วมกัน
ส่วนอีกกลุ่มเป็นกลุ่มชาวบ้านที่ย้ายลงมาจากพื้นที่บ้านบางกลอยบน เมื่อปี 2539 โดยกระจายตัวอยู่ในบ้านโป่งลึก และบ้านบางกลอย มีพื้นที่ 300 กว่าไร่ ที่ทางอุทยานฯ จัดสรรให้ทั้งในส่วนของกลุ่มที่ถูกโยกย้ายมาจากบางกลอยบนช่วง ปี 2539 และ 2554 มีปัญหาเรื่องการทำเกษตรที่ไม่สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ เช่น กรณีการปลูกข้าว ชาวบ้านยืนยันว่าผลผลิตต่อไร่ ต่ำกว่าที่เคยทำในบางกลอยบน โดยครัวเรือนที่มีผลผลิตสูงสุดอยู่ระหว่าง 30 - 80 ถังต่อไร่ ซึ่งปัญหาหลักคือ ไกลจากแหล่งน้ำ ทางมูลนิธิปิดทองฯ ได้ช่วยเหลือเรื่องระบบสูบน้ำและสาธารณูปโภคอื่น ๆ ได้บ้าง แต่ยังไม่ตรงตามเป้าหมาย นอกจากนี้ยังมีปัญหาอื่น ๆ เช่น เรื่องที่ทำกินไม่พอ เนื่องจากการขยายตัวของสมาชิกครอบครัวไม่คงที่ ความแออัดเรื่องที่อยู่อาศัย ซึ่งจำนวนผู้ที่ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองนั้นต้องสำรวจจำนวนที่แน่ชัดอีกครั้ง
นพ.นิรันดร์ กล่าวเพิ่มว่า ปัญหาของชาวบ้าน และการช่วยเหลือจากภาครัฐนั้น ชาวบ้านบางครอบครัวไม่สามารถสร้างบ้านได้ เพราะถูกจำกัดสิทธิเรื่องการหาทรัพยากรในป่า เมื่อไม่มีที่อยู่ ก็ไม่มีที่ทำกิน เป็นปัญหาต่อเนื่อง ดังนั้นต้องมาดูตั้งแต่เรื่องความร่วมมือของชาวบ้านในการนับครัวเรือน นับจำนวนกันใหม่
โดยคณะอนุกรรมการด้านที่ดินและป่าไม้ ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จะทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เพื่อแต่งตั้งคณะทำงานร่วมกันในเรื่องการแก้ปัญหาชาวกะเหรี่ยงที่ถูกย้ายลงมาจากพื้นที่เดิม ซึ่งคณะทำงานจะประกอบไปด้วย ตัวแทนจากกรมอุทยานฯ ตัวแทนจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ตัวแทนจากภาคประชาชน ตัวแทนจากเครือข่ายต่าง ๆ และตัวแทนชาวบ้านในชุมชนบ้านโป่งลึก บางกลอย โดยจะเริ่มตั้งแต่การสำรวจ ทำข้อมูลต่าง ๆ ของชุมชน รวมไปถึงข้อมูลเรื่องพื้นที่ทำกิน ต่อมาจะต้องมีการทำข้อตกลงในส่วนของการทำงานในพื้นที่ ซึ่งต้องอยู่บนพื้นฐานภาคประชาชน ของการทำงานในพื้นที่เขตอุทยานฯ รวมไปถึงการสร้างความเข้าใจในพื้นที่ระหว่างหน่วยงานของรัฐกับชาวบ้าน เพื่อลดความขัดแย้ง ซึ่งภาคประชาชนควรมีส่วนร่วมในการตัดสินใจด้วย
ด้านนายเกรียงไกร ชีช่วง เลขาฯเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม เขตงานตะนาวศรี กล่าวว่า ทางเครือข่ายได้ลงพื้นที่ไปโดยมีวัตถุประสงค์คือ ไปให้กำลังใจกับครอบครัวและญาติของนายบิลลี่ รวมไปถึงชาวบ้านในพื้นที่ ว่ายังมีพี่น้องชนเผ่าเป็นห่วง และยังคอยติดตามความคืบหน้าการหายตัวไปของนายบิลลี่ อยู่ตลอดเวลา
ต่อมาคือการลงไปให้ความรู้ ความเข้าใจกับชุมชน ในส่วนของ มติ ครม. 3 สิงหาคม 2553 ในเรื่องแนวนโยบายการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง ให้กับชุมชนได้รับรู้และเข้าใจสิทธิของตนเองใน 5 ประเด็น คือ 1. อัตลักษณ์ชาติพันธุ์และวัฒนธรรม ส่งเสริมให้มีความรู้ความเข้าใจในการอยู่ร่วมกันแบบพหุวัฒนธรรม 2. การจัดการทรัพยากร ในส่วนของการเพิกถอนพื้นที่ที่รัฐประกาศเป็นพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งทับซ้อนกับที่ทำกินและที่อยู่อาศัยของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงที่มีข้อเท็จจริงจากการพิสูจน์ว่าได้อยู่อาศัยมานานก่อนที่รัฐจะประกาศกฎหมาย รวมถึงการยุติการจับกุม และให้ความคุ้มครองกับชุมชน กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงที่เป็นชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมที่อยู่ในพื้นที่ข้อพิพาท อีกทั้งการส่งเสริมและยอมรับระบบไร่หมุนเวียน ซึ่งเป็นวิถีวัฒนธรรมกะเหรี่ยง 3. สิทธิในสัญชาติ โดยให้มีการเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สิทธิ 4. การสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรม ในการส่งเสริมศูนย์วัฒนธรรมชุมชน โดยเชื่อมโยงให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตในชุมชน 5. การศึกษา ให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการกำหนดหลักสูตรการศึกษา ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรม รวมถึงการส่งเสริมนโยบาย พหุภาษา เพื่อให้เกิดการยอมรับและเข้าใจในภาษาพูดและเขียนของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง
และเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2557 กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช มีคำสั่งย้ายนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ให้ไปช่วยปฏิบัติราชการสำนักอุทยานแห่งชาติ ซึ่งวันที่ 16 มิ.ย.นี้ ทางศาลจังหวัดเพชรบุรี นัดไต่สวนเป็นครั้งที่ 4 โดยมีการเรียกพยานมาให้ปากคำได้แก่ นักศึกษาฝึกงาน ทั้ง 2 คน รวมถึง นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธานอนุกรรมการด้านที่ดินและป่าไม้ ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และพนักงานสอบสวนจาก สภ.แก่งกระจาน.
http://www.dailynews.co.th/Content/Article/245345/%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2+%E2%80%98%E0%B8%81%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%87+%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E2%80%99+%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87+%E2%80%98%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88%E2%80%99+%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2
|