27 วันชะตากรรม 'บิลลี่'
โพสเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2557 14:14 น.
การขอย้ายตัวเองจากตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเป็นการชั่วคราว 1 เดือน ของ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร จากกรณีการหายตัวไปของ นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่วัย 31 ปี ชาวกะหร่าง นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน และสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ยังไม่อาจสร้างความพอใจให้กับชาวกะเหรี่ยงและองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) ที่ร่วมกันต่อสู้กดดันเรื่องนี้
เมื่อบ่ายวันที่ 13 พ.ค. สมาพันธ์กะเหรี่ยงแห่งสยามจึงได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่า แม้ทางสมาพันธ์ฯจะเห็นด้วยกับการย้ายตัวเองออกนอกพื้นที่ของนายชัยวัฒน์ เพื่อให้ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงองค์กรพัฒนาเอกชนต่างๆ ลงพื้นที่ทำงานได้อย่างเต็มที่ แต่ทางสมาพันธ์ฯมีความเห็นว่ายังไม่เพียงพอ เพราะกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัด ต้องมีส่วนรับผิดชอบ และต้องเป็นผู้กำหนดระยะเวลารวมทั้งพื้นที่ในการย้ายของนายชัยวัฒน์ ไม่ใช่ให้เจ้าหน้าที่ผู้เป็นปัญหาเป็นผู้กำหนดเอง
ทั้งนี้ หากพิจารณาจากการกำหนดพื้นที่ขอย้ายตัวเองออกไปประจำการยังสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ คอยกำกับดูแลการปฏิบัติงานของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ย่อมหมายความว่านายชัยวัฒน์ยังคงอยู่ในเขตอิทธิพลการใช้อำนาจในพื้นที่กรณีพิพาทเช่นเดิม และระยะเวลาในการย้ายตัวเองออกไปนอกพื้นที่เพียง 1 เดือนนั้น เป็นการประกาศยืนยันว่าจะกลับมาปฏิบัติงานในพื้นที่เดิม จึงถือเป็นการกดดันและใช้อิทธิพลต่อกระบวนการสืบสวนสอบสวนและแก้ไขปัญหาในพื้นที่
ด้วยเหตุนี้ สมาพันธ์กะเหรี่ยงแห่งสยามจึงมีข้อเรียกร้องต่อกรมอุทยานฯ ดังนี้ 1.ขอให้กรมอุทยานฯ มีคำสั่งย้ายนายชัยวัฒน์ ไปช่วยราชการที่กรมโดยด่วน เพื่อพ้นจากพื้นที่ขอบเขตการใช้อำนาจและอิทธิพลในพื้นที่พิพาท 2.ขอให้กรมอุทยานฯ มีคำสั่งย้ายนายชัยวัฒน์ออกจากพื้นที่จนกว่ากระบวนการพิจารณาคดีจะสิ้นสุด
อนึ่ง เมื่อวันที่ 12 พ.ค. ภรรยาและครอบครัวของนายพอละจี พร้อมชาวบ้านกะเหรี่ยงบางกลอย เครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมเขตงานตะนาวศรี และสมาพันธ์กะเหรี่ยงแห่งสยาม จำนวนประมาณ 150 คน ได้เดินทางไปที่กรมอุทยานฯ เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนถึงอธิบดีกรมอุทยานฯ ผ่าน นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองอธิบดี เพื่อให้ย้ายนายชัยวัฒน์ออกจากพื้นที่ ซึ่ง นายธีรภัทร ก็รับปากว่าทางกรมฯจะมีคำสั่งย้ายนายชัยวัฒน์ออกจากพื้นที่อุทยานฯแก่งกระจานไว้ก่อน เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย
นายพอละจี หรือบิลลี่ หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยก่อนหายตัวไปมีผู้พบเห็นเขาถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานจับกุมบริเวณด่านแม่มะเร็ว ซึ่งเป็นด่านตรวจคนเข้าออกในเขตอุทยานฯ ในข้อหามีน้ำผึ้งป่าไว้ในครอบครอง หลังจากนั้น นายชัยวัฒน์ ได้รับตัวบิลลี่ไป แต่กลับไม่มีการส่งตัวไปดำเนินคดีที่ สภ.แก่งกระจาน อย่างไรก็ดี นายชัยวัฒน์อ้างว่าได้ปล่อยตัวบิลลี่ไปแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ 3 คนเป็นพยาน
หลายฝ่ายเชื่อว่าบิลลี่กำลังกลายเป็นเหยื่อของ "การบังคับบุคคลให้สูญหาย" เนื่องจากเป็นชาวบ้านที่ลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิชุมชนของชาวกะเหรี่ยงในเขตอุทยานแห่งชาติ จนเกิดกรณีพิพาทกับหน่วยงานรัฐในพื้นที่ รวมทั้งในปี 2555 มีเหตุลอบฆ่า นายทัศน์กมล โอบอ้อม แกนนำเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิให้แก่ชุมชนบ้านโป่งลึก-บางกลอย ต่อมาอัยการ จ.เพชรบุรี ได้ยื่นฟ้อง นายชัยวัฒน์เป็นจำเลยข้อหาจ้างวานฆ่านายทัศน์กมลต่อศาล คดีอยู่ระหว่างการพิจารณา
ด้าน นายชัยวัฒน์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ขอยืนยันอีกครั้งว่าปล่อยตัวนายบิลลี่ไปแล้ว และเพื่อเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ จึงได้ขอย้ายตัวเองออกนอกพื้นที่อุทยานฯแก่งกระจาน เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ได้อย่างเต็มที่ และอยากให้สังคมพิจารณาในหลายๆ มุมมอง
"ที่ผ่านมามีความพยายามสร้างแรงกดดันให้ผมต้องออกนอกพื้นที่ หากสังเกตจากที่ผ่านมามีคนพยายามออกมาเรียกร้องและอ้างสิทธิ ตลอดจนสร้างเรื่องราวต่างๆ ทั้งปล่อยข่าวว่ากะเหรี่ยงพื้นที่โป่งลึก-บางกลอย อ.แก่งกระจาน อดอยาก ไม่เคยได้รับการดูแลช่วยเหลือจากภาครัฐ รวมถึงกรณีนายบิลลี่หายตัวไป ต้นตอของข่าวทั้งหมดไม่ใช่ชาวบ้านในพื้นที่โป่งลึก-บางกลอย แต่เป็นองค์กรและเป็นคนจาก อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งคนเหล่านี้ไม่เคยแม้แต่เข้าไปตรวจสอบหรือลงพื้นที่จริงเลย"
นายชัยวัฒน์ เชื่อว่าเรื่องนี้เป็นพยายามกุข่าวและสร้างสถานการณ์ให้ส่งผลเสียต่ออุทยานฯ ซึ่งเป็นทัศนะที่ตรงกันข้ามกับครอบครัวของบิลลี่ สมาพันธ์กะเหรี่ยงฯ และเอ็นจีโอที่เกี่ยวข้องอย่างสิ้นเชิง!
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/life/20140514/582225/27-%C3%87%D1%B9%C2%AA%D0%B5%D2%A1%C3%83%C3%83%C3%81-%C2%BA%C3%94%C3%85%C3%85%C3%95%C3%A8.html
|