สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  ข่าวชาติพันธุ์

กลุ่มชาติพันธุ์ร้อง ‘นายกฯ-มหาดไทย’ ร่วมตามหาบิลลี่
โพสเมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2557 14:52 น. 



เครือข่ายชนเผ่าชาติพันธุ์จังหวัดลำปางรวมตัวยื่นหนังสือถึง ผวจ.ลำปาง ประสานมหาดไทย ร่วมหาตัว ‘บิลลี่’ หลังหายตัวไร้ร่องรอยนาน 22 วัน เร่งรายงานผลโดยด่วน ทั้งให้ความคุ้มครอง ครอบครัว แกนนำ และสมาชิกในชุมชนกะเกรี่ยงโป่งลึก-บางกลอยในช่วงสถานการณ์ล่อแหลม
 
 
 
8 พ.ค. 2557 ไทยโพสต์ รายงานว่า ที่หน้าศาลากลางจังหวัดลำปาง ชาวบ้านใน 3 หมู่บ้านของ ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ประกอบด้วย บ้านกลาง บ้านแม่ส้าน และบ้านจำปุย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง เมี้ยน ม้ง ในนามเครือข่ายชนเผ่าชาติพันธุ์จังหวัดลำปาง จำนวนประมาณ 200 คน นำโดยนายศุกร์ ไทยธนสุกานต์ นายก อบต.บ้านดง และนายสมชาติ หลักแหลม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 บ้านดง เดินทางมาชุมนุมพร้อมเขียนป้ายขอให้ทางรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามหาตัวนายบิลลี่ หรือนายพอละจี รักจงเจริญ สมาชิก อบต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ชาวกะเหรี่ยงที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา
 
ตัวแทนผู้ชุมนุมระบุว่า นายบิลลี่ถือเป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีจิตใจงาม จิตอาสาคอยช่วยเหลือพี่น้องทุกข์ยากเสมอมา จนได้รับความไว้วางใจจากชาวบ้านเลือกให้เข้าไปเป็นสมาชิก อบต.ห้วยแม่เพรียง และได้ทำหน้าด้วยดีมาตลอด โดยเฉพาะการช่วยเหลือชาวบ้าน รวมถึงยังเป็นแกนนำปกปักษ์รักษาฝืนป่าต้นน้ำเพชรในฐานะแผ่นดินเกิด จนต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลที่เข้าไปทำลายผืนป่ามาโดยตลอด แต่บิลลี่ก็ได้ต่อสู้อย่างเข้มแข็ง และเชื่อว่าเขาคือผู้สืบทอดเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษและเจตนารมณ์ของปู่คออี้ มิมิ ผู้อาวุโสอายุ 107 ปี ในการปกปักษ์รักษาผืนป่าต้นน้ำเพชร ดังนั้นเขาจึงยืนหยัดต่อสู้อย่างกล้าหาญมาโดยตลอด จนกระทั่งมาหายตัวไป และได้เกิดคำถามขึ้นมาอย่างมากมายถึงการหายตัวไปในครั้งนี้ ซึ่งก็ผ่านไปกว่า 22 วัน ยังไร้วี่แวว จนเริ่มวิตกว่าบิลลี่อาจจะไม่ได้กลับมาอีกแล้วก็เป็นได้
 
ดังนั้นกลุ่มชาติพันธุ์จังหวัดลำปางจึงขอเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะฝ่ายปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กระทรวงมหาดไทย ออกมาร่วมรับผิดชอบและใส่ใจกับการหายตัวไปของบิลลี่ โดยไทยพีบีเอสรายงานข้อเสนอถึงนายกรัฐมนตรี และกระทรวงมหาดไทย 5 ข้อ ดังนี้
 
1.ขอให้นายกรัฐมนตรี (รักษาการนายกรัฐมนตรี) มีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งคณะทำงานเฉพาะเร่งด่วนเพื่อค้นหานายบิลลีหรือพอละจี รักจงเจริญทันที โดยให้มีสัดส่วนองค์ประกอบคือ1.ฝ่ายปกครอง ทั้งท้องถิ่นและท้องที่ 2.ฝ่ายองค์กรอิสระเช่นกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ 3.ตัวแทนจากภาคีประชาสังคมหรือมูลนิธิต่างๆ และตัวแทนองค์กรเครือข่ายชาวกะเหรี่ยง 4.ตัวแทนหน่วยงานราชการที่ที่กำกับดูและในพื้นที่ และตัวแทนองค์การระหว่างประเทศผู้ทำหน้าที่รณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชนเป็นต้น
 
2.ให้กระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งด่วน ถึงผู้ว่าราชการทุกจังหวัดเพื่อของความร่วมมือและอนุเคราะห์ประสานงานกับทุกภาคส่วนในพื้นที่เขกปกครองให้ช่วยติดติดตามและค้นหานายบิลลี่ หรือนายพอละจี รักจงเจริญ
 
3.ให้กระทรวงมหาดไทยทำหนังสื่อถึงสื่อต่างๆ เช่นรายการโทรทัศน์ สมาคมนักข่าวหนังสือพิมพ์ทั้งในประเทศและนานาชาติช่วยลงขาวประกาศตามหานายบิลลี อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะพบเจอและนำตัวนายบิลลี่กลับคืนสู่ครอบครัวอย่างปลอดภัยโดยเร็วที่สุด
 
4.ขอให้รัฐบาลให้ความคุ้มครอง ครอบครัว แกนนำ และสมาชิกในชุมชนกะเกรี่ยงโป่งลึก-บางกลอยให้มีความปลอดภัยและปราศจากการคุกคามโดยอำนาจที่ไม่เป็นธรรม ในช่วงสถานการณ์ที่ล่อแหลมและเปราะบางนี้ด้วย
 
และ 5.ให้คณะทำงานและหรือกลไกส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการค้นหานายบิลลี่รายงานผลโดยด่วนและต่อเนื่องทุกๆ 5 และ 7 วัน
 
นอกจากนี้ ทางกลุ่มยังได้ขอให้ทางจังหวัดเร่งติดตามโครงการขยายถนนในพื้นที่ของบ้านกลาง จำปุยและแม่ส้าน และขยายเขตไฟฟ้าในพื้นที่ตำบลนาแก อำเภงาว ซึ่งยังไม่มีไฟฟ้าเข้าถึงอีกด้วย
 
ด้านนายฤทธิพงษ์ เตชะพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้ลงมารับเรื่องแทน และบอกกับชาวบ้านว่าจะเร่งส่งเรื่องดังกล่าวให้กับส่วนราชการ เพื่อดำเนินการตามข้อเรียกร้อง โดยเฉพาะการเร่งติดตามหาตัวนายบิลลี่ ส่วนเรื่องโครงสร้างทั้งการขยายถนนและการขยายเขตไฟฟ้า เป็นงบของกองทุนพัฒนาพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ก็จะได้ทำหนังสือทวงถามและเร่งให้ดำเนินการโดยด่วนต่อไป
 
 
สมาพันธ์กะเหรี่ยงสยามจ่อจัดคอนเสิร์ตช่วยครอบครัวบิลลี่
 
เนชั่นรายงานว่า 8 พ.ค. 2557 นายสรศักดิ์ เสนาะพรไพร เลขาธิการสมาพันธ์ชาวกะเหรี่ยงสยาม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการติดตามตัวนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ว่า หลังจากได้มีการส่งหนังสือไปที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการอำนวยการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกระเหรี่ยง กระทรวงวัฒนธรรม นายอำเภอแก่งกระจาน ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี รวมทั้งมีการส่งหนังสือไปหานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งทางสมาพันธ์ก็จะมีการติดตามการดำเนินการคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นจะให้เวลากับหน่วยงานภาครัฐในการดำเนินการตามขั้นตอน แต่หากภายใน 1-2 สัปดาห์ยังไม่มีความคืบหน้า ก็จะมีการกำหนดท่าทีเคลื่อนไหวหรือประท้วงอีกครั้งหนึ่ง
 
ทั้งนี้ เรื่องของการระดมทุนเบื้องต้นเพื่อจะช่วยเหลือและให้กำลังใจ ครอบครัวของบิลลี่ ภรรยาและลูกทั้ง 5 คนที่กำลังลำบากอยู่ โดยจะมีการจัดกิจกรรม มินิคอนเสิร์ต ของกลุ่มพี่น้องชาติพันธุ์ ที่ไม่ได้มีแต่เพียงพี่น้องสมาพันธ์กะเหรี่ยงเท่านั้น ยังมีพันธมิตรจากชาวอาข่าและชาวม้ง ที่รู้จักและให้ความสำคัญกับการหายตัวไปของนายบิลลี่ ตกลงเข้าร่วมด้วย ระดมทุนช่วยกัน โดยกำลังอยู่ในช่วงการหารือประสานงานจากทั้ง 3 กลุ่มชาติพันธุ์ ว่าจะจัดที่ไหนอย่างไรต่อไป
 
"จะมีการประชุมสัมมนาในเรื่องที่เกิดขึ้นและหาแนวทางแก้ปัญหาจากตัวแทนพี่น้องชาวกระเหรี่ยงทั้งหมดจากทั่วประเทศ ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการกำหนดวันเวลา ภายในระยะเวลาอันใกล้ ส่วนการจัดพิธีกรรมเช่นการจุดเทียนทำพิธีขอพรสิ่งศักดิ์สิทธ์คุ้มครองนายบิลลี่ เหมือนเมื่อ 2 วันก่อนนั้น ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ต้องปรึกษากับผู้อาวุโสให้เป็นไปตามครรลอง ก่อนที่จะมีการจัดพิธีใดๆขึ้น" นายสรศักดิ์ กล่าว
 
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันที่ทางสมาพันธ์ กำลังเร่งดำเนินการ คือ การทำสื่อ โปสเตอร์ โปสการ์ด ประกาศคนหายในสื่อออนไลน์ และมีการไปติดตั้งและแจกจ่ายตามสถานที่คนชุกชุม เช่นสถานีขนส่ง ตามมหาวิทยาลัย และสวนสาธารณะต่างๆ รวมทั้งขอความอนุเคราะห์สื่อ สิ่งพิมพ์ วิทยุ และโทรทัศน์ในการช่วยประกาศเพิ่มขึ้น ซึ่งในวันพรุ่งนี้ เรื่องของกิจกรรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นน่าจะชัดเจนมากขึ้นกว่านี้
 
ด้านข่าวสดรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2557 นายธรรมรัตน์ วงศ์โสภา ผอ.ส่วนอุทยานฯ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 3 (บ้านโป่ง) ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนกรณีนายพอละจี หรือ บิลลี่ รักจงเจริญ หายตัวไปในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กล่าวว่า เบื้องต้นได้สอบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ประมาณ 10 รายแล้ว ทั้งภรรยาของนายพอละจี เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน รวมทั้งนักศึกษาที่นายชัยวัฒน์อ้างว่าอยู่ในเหตุการณ์ด้วย คดีการหายตัวไปของนายพอละจีจะเป็นทิศทางใด คงต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
 
นายธรรมรัตน์กล่าวต่อว่าในส่วนของ อุทยานฯ ได้สอบสวนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ข้าราชการว่า ปฏิบัติงานโดยมิชอบ หรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่หรือไม่ ซึ่งตนจะพยายามเก็บข้อมูลหลักฐานต่างๆ ให้ได้มากที่สุด คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะสรุปผลแล้วเสร็จ จากนั้นจะนำไปรายงานต่อนายสมัคร ดอนนาปี ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ

http://prachatai.com/journal/2014/05/53102



  ย้อนกลับ   

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง