เวลา 13.30 น. 30 เม.ย. 57นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พร้อมด้วย นายเกษม ลือฤทธิ์ หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่ 6 (กจ.6) ด่านเขามะเร็ว เดินทางมาที่ห้องพิจารณาคดีที่ 6 ศาลจังหวัดเพชรบุรี ตามที่ศาลนัดให้มาเข้ากระบวนการไต่สวน หลังจากนายอานนท์ นำพา พร้อมด้วย นายธีรพันธุ์ พันธุ์ดีรี และ น.ส.วราภรณ์ อุทัยรังสี คณะทนายความจากสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ที่สภาทนายความส่งมาให้ดูแลคดีนายบิลลี่ หรือนายพอละจี รักจงเจริญ อายุ 31 ปี ส.อบต.ห้วยแม่เพรียง แกนนำชาวกะหร่างบ้านบางกลอยหายตัวไปได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดเพชรบุรีเมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 90 อ้างว่านายบิลลี่ถูกนายชัยวัฒน์กับพวกจับกุมไว้ ขอให้ปล่อยตัวนายบิลลี่ เนื่องจากถูกควบคุมโดยไม่ชอบ
นายสุประวัติ สมดี ผู้พิพากษาศาลจังหวัดเพชรบุรี ไต่สวนนายเกษมและนายชัยวัฒน์ ในฐานะพยาน โดยมีนางพิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยานายบิลลี่ พร้อมด้วยนายเกรียงไกร ชีช่วง เลขานุการเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม และทนายความจากสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน เจ้าหน้าที่โครงการนิติศาสตร์สากล ภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิก (ICJ) และเจ้าหน้าที่จาก UN ร่วมรับฟังการไต่สวนด้วย
ศาลไต่สวนนายเกษมก่อน โดยให้นายเกษมเล่าถึงเหตุการณ์ตั้งแต่จับกุมนายบิลลี่ได้พร้อมน้ำผึ้งป่าของกลาง และวิทยุแจ้งไปให้นายชัยวัฒน์ทราบ เมื่อนายชัยวัฒน์มาถึงด่านมะเร็ว ควบคุมตัวนายบิลลี่พร้อมรถจักรยานยนต์ขึ้นรถกระบะของอุทยานฯ โดยนายเกษมขับรถตามไปที่อุทยานฯเพื่อจะไปลงบันทึกการตรวจยึด ขณะนั้นมีนักศึกษาฝึกงาน 2 คนนั่งรถคันเดียวกับนายเกษมตามไปด้วย เมื่อตามมาได้ระยะหนึ่งนายเกษมเห็นนายบิลลี่ได้รับการปล่อยตัวเนื่องนายเกษมขับรถแซงรถรถจักรยานยนต์นายบิลลี่ใกล้สนามยิงปืนค่ายฝึกรบพิเศษแก่งกระจาน จากนั้นนายเกษมได้มาส่งนักศึกษาฝึกงานที่ที่ทำการอุทยานฯ และทราบต่อมาว่านายชัยวัฒน์ได้กลับไปบ้านพักที่ไร่ราชพฤกษ์ ต.สองพี่น้อง อ.แก่งกระจาน
เมื่อไต่สวนนายเกษมเสร็จ ได้เรียกนายชัยวัฒน์เข้าไปในห้องพิจารณา นายชัยวัฒน์ก็ได้เล่าให้ศาลฟังว่าเช้าวันเกิดเหตุ ตนได้ขึ้นไปที่เขาพะเนินทุ่งพร้อมกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ 4 คนและนักศึกษาฝึกงาน 2 คน เพื่อต้อนรับนายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เพื่อเตรียมการรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กระทั่งเวลาประมาณ 15.00 น. ขณะเดินทางลงจากเขาพะเนินทุ่งมาถึงด่านสามยอด ได้รับแจ้งทางวิทยุจากนายเกษมหัวหน้าหน่วยมะเร็วว่าจับกุมคนลักลอบนำน้ำผึ้งป่าได้ จึงเดินทางมาที่ด่านมะเร็ว ขณะนั้นฝนตกหนัก เห็นเจ้าหน้าที่กำลังควบคุมตัวนายบิลลี่ จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่นำนายบิลลี่และรถจักรยานยนต์พร้อมของกลางทั้งหมดขึ้นรถตน แล้วให้นักศึกษาฝึกงานและเจ้าหน้าที่ฝึกงานไปนั่งรถนายเกษม และให้ขับไปที่อุทยานฯ ขณะตนขับรถนำนายบิลลี่เพื่อจะไปส่งที่อุทยานฯได้ต่อว่านายบิลลี่ว่าเป็นสมาชิกสภา อบต.แต่ทำไมกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งนายบิลลี่ได้ขอร้องให้ปล่อยตัว และอ้างว่าน้ำผึ้งป่าซื้อมาจากชาวบ้านขวดละ 120 บาท จะไปขายต่อขวดละ 200 บาท เป็นความผิดเล็กน้อยขอให้ปล่อยตัว ตนได้ค้นสัมภาระของนายบิลลี่พบมีน้ำผึ้งแค่ 5 ขวด จึงคิดว่าเป็นความผิดเล็กน้อย ก็เลยว่ากล่าวตักเตือนแล้วปล่อยตัวไป จากนั้นตนก็เดินทางกลับบ้านที่ไร่ราชพฤกษ์เพื่อเตรียมจัดงานประเพณีวันสงกรานต์ย้อนหลังให้เจ้าหน้าที่อุทยานฯที่กำหนดจัดวันที่ 18 เมษายน กระทั่งเวลา 08.00 น.วันที่ 19 เมษายน ได้รับแจ้งจากร้อยเวร สภ.แก่งกระจาน ว่านายบิลลี่หายตัวไป และอ้างว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้อง
เมื่อไต่สวนถึงช่วงนี้ ทนายความฝ่ายผู้ร้องได้ร้องต่อศาลว่าขอแขวนประเด็นและขออำนาจศาลเรียกพยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานฯ ที่อยู่ในขณะที่นายชัยวัฒน์อ้างว่าปล่อยตัวนายบิลลี่ลงที่บริเวณบ้านมะค่า ใกล้สนามยิงปืนของค่ายฝึกรบพิเศษแก่งกระจาน ขอให้ไต่สวนเพิ่มอีก 3 ปาก ประกอบด้วยนายไพฑูรย์ แช่มเทศ นายบุญแทน บุศราคำ และนายกฤษณะพงษ์ จิตต์เทศ ซึ่งล้วนเป็นบุคคลในฝ่ายของนายชัยวัฒน์ เบื้องต้นศาลพิจารณาให้เรียกพยานเพิ่มตามที่ร้องขอ โดยจะออกหมายเรียกนายชัยวัฒน์ มาไต่สวนเพิ่มเติม พร้อมกับพยานที่ร้องขอใหม่อีก 3 ปาก ในวันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคมนี้ เวลา 13.30 น. เพื่อไต่สวนและสั่งการในคดีนี้ต่อไป
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1398862102&grpid&catid=19&subcatid=1906