ข้อเสนอเพื่อคุ้มครองชีวิต
ของนายพอละจี รักจงเจริญ (บิลลี่) และชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงโป่งลึก-บางกลอย
พิธี "คเก๊ ต่า เล่อ พอละจี ด๊อ อ๊ะดุโพ เทอโพ อ๊ะ กก่อ”เพื่อขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองพอละจีและครอบครัว
พวกเราชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงได้รับรู้ข่าวเพื่อนของเรา ชาวกะเหรี่ยงต้นน้ำเพชร
บางกลอยบน ถูกไล่รื้อที่อยู่อาศัย บางส่วนบ้านถูกเผา เพื่อนของเราต้องระหกระเหินและหวาดกลัว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 จนถึงปัจจุบัน ภาพเจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธที่ใช้ความรุนแรงบุกเข้าทำลายข้าวของยังคงฝังอยู่ในหัวใจของคนเฒ่าคนแก่ ที่เกิดและทำกินบนผืนแผ่นดินแก่งกระจานนี้มานานนับร้อยปี อย่างที่ไม่เคยพบพานเรื่องเลวร้ายเช่นนี้มาก่อน เด็กๆ ร้องไห้ด้วยความกลัว มีแต่คนหนุ่มสาวที่จำเป็นต้องฝืนใจแสดงความเข้มแข็งทั้งที่ภายในมีความห่วงกังวลและหวาดกลัว
พวกเราได้ช่วยกันรวบรวมข้าวสารจากชาวกะเหรี่ยงและองค์กรที่มีจิตสาธารณะทั่วประเทศ ไปให้เพื่อนของเราที่แก่งกระจานทำให้พวกเราได้รู้จักกับพอละจี หรือ บิลลี่ และชาวกะเหรี่ยงคนอื่นๆ ทำให้พวกเราเข้าใจสภาพปัญหาและข้อจำกัดในการดำเนินชีวิตตามจารีตประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามของกะเหรี่ยงเพื่อนเราอย่างมาก ที่ดินทำกินที่เจ้าหน้าที่ได้จัดสรรให้ก็ไม่สามารถทำมาหากินได้เพียงพอ บางครอบครัวก็ไม่ได้รับการจัดสรรที่ดิน เพื่อนของเราจึงต้องช่วยเหลือตนเองทุกวิถีทางแต่ข้าวก็ยังไม่พอกินโดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กเล็ก และคนเฒ่าคนแก่ต้องเผชิญกับความยากลำบากอย่างมาก บางครอบครัวพ่อแม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่เขื่อนแก่งกระจานเพื่อรับจ้างหาเงินซื้ออาหารให้สมาชิกในครอบครัว แต่บางครอบครัวก็ไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ เนื่องจากไม่มีบัตรประชาชนทั้งที่เกิดในแผ่นดินไทย ครอบครัวจึงอดอยากเพราะขาดอาหาร
บิลลี่ เป็นเยาวชนที่มีโอกาสได้เรียนหนังสือโดยบวชเรียนเป็นพระ ทำให้บิลลี่มีโอกาสติดต่อกับคนพื้นราบ สามารถอ่านเขียนพูดภาษาไทยได้คล่องกว่าชาวบ้านคนอื่น ๆ ทำให้เขาเป็นตัวแทนของชาวกะเหรี่ยงโป่งลึก บางกลอยในการบอกเล่าเรื่องราวและปัญหาต่าง ๆ ของชุมชน
เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 พวกเราได้ทราบข่าวการหายตัวไปของนายบิลลี่ด้วยความสะเทือนใจ นายบิลลี่ได้หายตัวไประหว่างการเดินทางจากหมู่บ้านบางกลอยเพื่อจะเข้าร่วมประชุม มีการตั้งข้อสังเกตมากมายเกี่ยวกับการหายไปครั้งนี้ พวกเราได้ช่วยกันป่าวร้องเกี่ยวกับการหายไปของบิลลี่ แต่ดูเหมือนว่าการหายไปของเขากลับเป็นเรื่องธรรมดาในสายตาของผู้ปกครอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่ทำหน้าที่ปกปักษ์คุ้มครองทรัพยากรป่าไม้ แต่ชีวิตคนที่สูญหายไปกลับไม่ได้รับความสนใจติดตาม ตรวจสอบ
เพื่อนของเรา คนต้นน้ำเพชร ล้วนเป็นคนไทย เกิดที่นี่ เติบโต และจะตายที่นี่ ย่อมได้รับสิทธิคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามมาตรา 66 และ 67 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ที่คุ้มครองสิทธิประชากรไทยที่อาศัยอยู่ในชุมชนท้องถิ่นตนเอง นอกจากนั้น ยังมีมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 3 สิงหาคม 2553 ที่ให้การรับรองสิทธิการอยู่อาศัยในชุมชนท้องถิ่นตนเองที่พิสูจน์ได้ว่าอยู่ก่อนการประกาศเขตป่าของรัฐ
พวกเราชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง เป็นห่วงสวัสดิ์ภาพความปลอดภัยของเพื่อนเรา กะเหรี่ยงต้นน้ำเพชรอย่างยิ่ง ทุกคนต่างสงสัยว่า ทำไมบิลลี่หายไป ทำไมบิลลี่ไม่กลับบ้าน เกิดอะไรขึ้นกับบิลลี่ นับเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่พวกเรายังไม่ได้รับข่าวคราวการกลับมาของบิลลี่เลยจึงใคร่ขอเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมกันตอบคำถามเพื่อนของเรา ขออย่าให้เพื่อนของเราต้องอยู่สภาพหวาดกลัว ไม่แน่ใจ เช่นนี้
ด้วยความรักและความห่วงใย และเห็นคุณค่าในชีวิตของบิลลี่ เพื่อนชาวกะเหรี่ยงผู้บริสุทธิ์และอุทิศตนทำงานเพื่อชุมชนและสังคมของเรา จึงขอเรียกร้องให้รัฐดำเนินการดังนี้
- ขอให้รัฐบาลเห็นความสำคัญและคุณค่าความเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกันของนายบิลลี่และดำเนินการอย่างเร่งด่วนทุกวิถีทางในการนำตัวนายบิลลี่กลับมาสู่ครอบครัวและชุมชนอย่างปลอดภัย
- ขอให้ท่านนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดทุกแห่งที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานและพื้นที่ใกล้เคียงได้ดำเนินการระดมกำลังเจ้าหน้าที่และเครื่องมืออุปกรณ์ในการค้นหาตัวนายบิลลี่ และนำตัวนายบิลลี่กลับคืนสู่ครอบครัวอย่างปลอดภัยโดยเร็วที่สุด
- ขอให้รัฐบาลให้ความคุ้มครอง ครอบครัว แกนนำ และสมาชิกในชุมชนกะเกรี่ยงโป่งลึก-บางกรอยให้มีความปลอดภัยและปราศจากการคุกคามโดยอำนาจที่ไม่เป็นธรรม ในช่วงสถานการณ์ที่ล่อแหลมและเปราะบางนี้ด้วย
ในการดำเนินการค้นหาตัวนายบิลลี่ในครั้งนี้ พวกเราในนามของสมาพันธ์กะเหรี่ยงสยาม ยินดีให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูล ข่าวสาร และพร้อมที่จะเข้าร่วมดำเนินการกับเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่ และพร้อมนี้ ใคร่ของความกรุณา แจ้งผลความก้าวหน้าในการดำเนินงานค้นหาตัวในบิลลี่ให้สมาพันธ์ฯทราบโดยด่วนที่สุด
http://www.citizenthaipbs.net/node/4011