(21 เม.ย. 57) สภาสิทธิมนุษยชนแห่งอาเซียนออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ไทยเร่งสืบคดีการหายตัวไปของนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนที่หายตัวไปตั้งแต่17 เมษายนที่ผ่านมา และแสดงความเป็นห่วงว่าอาจเป็นการบังคับให้บุคคลสูญหายหรือสาบสูญ
จากกรณีการหายตัวไปของนาย พอละจี รักจงเจริญ หรือ “บิลลี่” สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ห้วยแม่เพรียง และเป็นพยานในคดีที่ชาวบ้านโป่งลึก-บางกลอยยื่นฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ในข้อหาเผาบ้านและยุ้งฉางของชาวบ้านให้ได้รับความเสียหาย ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วันที่ 17 เม.ย. ที่ผ่านมา ขณะเดินทางจากหมู่บ้านลงมาที่ ตัวอำเภอแก่งกระจาน เพื่อพบกับญาติที่ได้นัดหมายกันไว้ โดยก่อนการหายตัวไปได้ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ควบคุมตัวเพื่อสอบสวน ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะอ้างว่าได้ปล่อยตัวไปแล้ว
นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ รองประธานสภาสิทธิมนุษยชนแห่งอาเซียน กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์การหายตัวไปของนายบิลลี่ รวมทั้งต้องแสดงออกถึงความเอาจริงเอาจังต่อการสืบค้นหาผู้ที่สูญหาย หลังจากที่นายบิลลี่ถูกจับกุมตัวไปสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา
ด้านนาย อีวา ซุนนารี ประธานสภาสิทธิมนุษยชนแห่งอาเซียนกล่าวว่า ข้อเท็จจริงดังกล่าวถือเป็นการส่งสัญญาณว่ากรณีการหายตัวไปของบิลลี่เป็นแกนนำชาวบ้านกะเหรี่ยงบ้านบางกลอยอ.แก่งกระจาน อาจเกี่ยวข้องกับคดีความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่อุทยานฯ กับชาวบ้าน ในกรณีบุกรุกพื้นที่ป่าอุทยาน ซึ่งเจ้าหน้าที่อุทยานฯ กล่าวว่าเป็นบริเวณที่พบตัวเขาครั้งสุดท้าย หลังจากที่จับกุมตัวไปสอบสวน”
ขณะเดียวกันวันนี้ (21 เม.ย. 57) เมื่อเวลา 12.30 ผู้สื่อข่าวประชาไทรายงานว่า บริเวณโรงอาหาร อมช. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ร่วมกันทำกิจกรรมแสดงออกตั้งคำถามถึงกรณีการหายตัวของนายบิลลี่
โดยกลุ่มนักศึกษา มช. ราว 10 คน ในชุดปิดปากปิดหน้า ได้ร่วมกันเขียนป้ายที่มีข้อความตั้งคำถามถึงกรณีการหายตัวไปของนายพอละจี รักจงเจริญ มีใจความเช่น “บิลลี่หายไปไหน???” “บิลลี่หายไป ใครรับผิดชอบ” “ลูกเมียพี่บิลลี่จะอยู่ยังไง?” “กะเหรี่ยง = คน?” “หยุด! ละเมิดสิทธิมนุษยชน” “Please Return Billy Safety”
กลุ่มนักศึกษาได้ถือป้ายออกมายืนอยู่โดยรอบโรงอาหารอมช.ราว 5 นาที ในช่วงที่มีนักศึกษาและบุคลากรในมหาวิทยาลัยมารับประทานอาหารกลางวันค่อนข้างมาก ก่อนเดินวนโดยรอบ และหยุดยืนที่ด้านหน้าโรงอาหาร แล้วตะโกนขานรับพร้อมกันว่า “บิลลี่หายไปไหน” - “ไม่รู้” 3-4 ครั้ง ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป
กนกวรรณ มีพรหม นักศึกษาคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หนึ่งในผู้ร่วมทำกิจกรรมครั้งนี้ กล่าวว่าในฐานะนักศึกษาที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชน รู้สึกว่าการที่คนๆ หนึ่งหายไปโดยที่เขากำลังทำอะไรเพื่อสังคมอยู่ โดยเท่าที่ทราบมีนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนที่หายตัวไปกว่า 28 คนแล้ว ไม่ว่าจะถูกฆ่าหรือถูกอุ้มก็ตาม จึงไม่อยากให้กรณีบิลลี่เป็นคนที่ 29 และเห็นว่านักศึกษาน่าจะมีการออกมาเคลื่อนไหวบ้าง โดยในกรณีนี้สื่อกระแสหลักก็ค่อนข้างเงียบ เห็นการเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์บ้าง แต่ก็ไม่มากนัก
กนกวรรณกล่าวอีกว่า กิจกรรมนี้เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โดยการปิดปากแสดงถึงว่าการหายตัวอย่างลึกลับ แล้วสังคมก็ต้องการคำตอบจากผู้เกี่ยวข้องว่าพี่บิลลี่หายไปไหน และต้องการให้กระบวนการสืบสวน ไม่ว่าจะเป็นส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วยกันรีบค้นหาความจริงในกรณีนี้ และให้คำตอบต่อสังคม รวมไปถึงให้คำตอบต่อลูกและเมียของบิลลี่ ที่ควรจะได้รับความเป็นธรรมด้วย ไม่ใช่เป็นข่าวขึ้นมา แล้วก็ปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไป
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1398076926&grpid=&catid=15&subcatid=1500