สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  ข่าวชาติพันธุ์

โลกจี้คดี ผู้นำกะเหรี่ยงหายตัว
โพสเมื่อวันที่ 22 เม.ย 2557 14:15 น. 



ฮิวแมนไรต์ฯ แถลงการณ์ เมียโร่ร้องตร. สงสัยจนท.รัฐ



จี้ตามหา - น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยานายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงแก่งกระจาน พร้อมชาวกะเหรี่ยงจำนวนหนึ่ง ยื่นหนังสือถึงพล.ต.ต.พีรชาติ รื่นเริง ผบก.ภ.เพชรบุรี ให้ช่วยตามหาสามีที่หายตัวไป

 
องค์กรสิทธิมนุษยชนโลกออกโรงl กะเหรี่ยงจี้คลี่คดี "บิลลี่" แกนนำกะเหรี่ยงแก่งกระจาน หายตัวลึกลับ "ฮิวแมนไรต์วอตช์" แถลงเรียกร้องทางการไทยไม่ควรนิ่งเฉย ขณะที่เมียและญาติเข้าร้องผบก.เพชรบุรีให้ช่วยตามหา มั่นใจเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง ยันไม่เคยมีเรื่องกับใคร นอกจากคดีฟ้องร้องเผาบ้านไล่ชาวกะเหรี่ยง สภาทนายจี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเชิญ "ชัยวัฒน์" หน.อุทยานฯ แก่งกระจาน มาให้ปากคำในฐานะพยาน เพราะอาจเป็นคนสุดท้ายที่พบบิลลี่ ส่วนชัยวัฒน์ย้ำอีกได้จับตัวไว้จริง แต่ปล่อยไปแล้ว มีจนท.อุทยานฯ กับน.ศ.ฝึกงานเป็นพยาน โต้ลั่นอยู่เบื้องหลังการหายตัว โวยโดนโจมตี หวังให้ถูกย้าย



จากกรณีนายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ สมาชิกอบต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นแกนนำกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย หายตัวไปอย่างมีเงื่อนงำเมื่อวันที่ 17 เม.ย. ที่ผ่านมา ภายหลังเดินทางออกจากบ้าน เพื่อมาตระเตรียมข้อมูลในคดีที่ฟ้องร้องกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ต่อศาลปกครอง กรณีที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯ บุกเผาบ้านพัก และยุ้งฉางของชาวกะเหรี่ยง ขณะเดียวกัน นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ก็ให้ข้อมูลด้วยว่าได้จับกุมตัวนายบิลลี่ พร้อมน้ำผึ้งป่า และสอบสวนในเบื้องต้น แต่เห็นว่าเป็นความผิดเล็กน้อย จึงปล่อยตัวไป โดยมีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ และนักศึกษาฝึกงาน ร่วมรู้เห็นด้วย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น



ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.เพชรบุรี น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46 หมู่ 6 ต.ป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ภรรยานายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำกะเหรี่ยงที่หายตัวไป พร้อมด้วยลูก 5 คน และชาวกะเหรี่ยง 30 คน เข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.ต.พีรชาติ รื่นเริง ผบก.เพชรบุรี เพื่อขอให้ช่วยติดตามหาสามี และดำเนินคดีกับคนที่เกี่ยวข้องด้วย



พล.ต.ต.พีรชาติกล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนสืบสวนติดตามหาตัวบุคคลที่ญาติแจ้งสูญหาย โดยแจ้งให้ทุกสถานีตำรวจรับทราบ เพื่อช่วยติดตามหาตัวนายบิลลี่ พร้อมทั้งมอบหมายให้พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุขแสวง รองผบก.เพชรบุรี รับผิดชอบ ทางตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ส่วนทางญาติหากต้องการให้ตำรวจไปสอบสวนพยานคนใด หรือต้องการให้ตำรวจช่วยคุ้มครองพยาน สามารถร้องขอได้ที่ สภ.แก่งกระจาน 



ส่วนน.ส.พิณนภากล่าวว่า อยากให้ทุกหน่วยงานช่วยติดตามหาสามีให้เจอด้วย ส่วนตัวเชื่อว่าการหายตัวไปของสามี น่าจะเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างแน่นอน เพราะสามีไม่เคยมีเรื่องกับใคร นอกจากเจ้าหน้าที่รัฐ 



ขณะที่นายเกรียงไกร ชี้ช่วง เลขาธิการเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่าขอเรียกร้องให้ทางจังหวัด หรือหน่วยงานต้นสังกัด ให้สั่งย้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ต้องสงสัยออกจากพื้นที่ก่อน เพราะเรามีความกังวลและครอบครัวของนายบิลลี่ และชาวกะเหรี่ยงแก่งกระจานต่างมีความหวาดกลัวอิทธิพลของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยในเบื้องต้นเชื่อการหายตัวไปของนายบิลลี่ เป็นผลมาจากที่เป็นแกนนำยื่นเรื่องร้องเรียนขอความเป็นธรรมให้ชาวกะเหรี่ยงที่ถูกเผาบ้านอย่างแน่นอน 



ต่อมา น.ส.พิณนภา และญาติพี่น้อง เดินทางต่อไปยังศาลากลางจังหวัดเพชรบุรี เพื่อยื่นหนังสือต่อนายมณเฑียร ทองนิตย์ ผวจ.เพชรบุรี ให้ช่วยติดตามหาตัวนายบิลลี่ แต่นายมณเฑียรติดราชการ จึงมอบหมายให้ เจ้าหน้าที่รับหนังสือร้องเรียนแทน



ขณะเดียวกัน นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติ และ ผู้พลัดถิ่น สภาทนายความ กล่าวว่าจากการประชุมคณะอนุกรรมการด้านชนชาติฯ ได้ข้อสรุปว่าจะรับเรื่องร้องเรียนนี้ไว้พิจารณา พร้อมตั้งคณะทำงานขึ้นมาช่วยเหลือ สิ่งที่จะดำเนินการต่อจากนี้ไป คือตามหาตัวนาย บิลลี่ อาจต้องไปเริ่มที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เพราะเป็นจุดสุดท้ายที่มีคนพบตัวนายบิลลี่ และอาจเป็นไปได้ว่าคนสุดท้ายที่พบกับนายบิลลี่คือนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ดังนั้น จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเชิญตัวนายชัยวัฒน์มาให้ปากคำในฐานะพยาน 



"อยากให้นายชัยวัฒน์ ในฐานะเจ้าของพื้นที่ช่วยกันหานายบิลลี่ เพราะอย่างกรณีเฮลิคอปเตอร์ตกในพื้นที่ ก็ยังระดมกำลังออกค้นหา ในส่วนของสภาทนายก็กำลังศึกษากระบวนการทางกฎหมาย ว่าจะช่วยตามหาได้อย่างไร นายบิลลี่เป็นพยานคนที่ 2 ที่ได้รับกระทบจากคดีเผาบ้าน ต่อจากนายทัศน์กมล โอบอ้อม หรืออาจารย์ป๊อด พยานในคดีที่ถูกยิงเสียชีวิต การหายไปของนายบิลลี่ และการตายของนายทัศน์กมล ทำให้กะเหรี่ยงเชื้อสายไทยในพื้นที่หวาดกลัวเป็นอย่างมาก จากนี้ไปจะประสานขอร้องให้ตำรวจ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และทางอำเภอ ให้ความคุ้มครองชาวบ้านในการดำเนินชีวิตด้วย นายสุรพงษ์กล่าว



ประธานอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติฯ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายชัยวัฒน์ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีจ้างวานฆ่านายทัศน์กมล ที่ขณะนี้อยู่ในการพิจารณาคดีชั้นศาลนั้น ทางกรมอุทยานแห่งชาติฯ ควรจะสั่งพักราชการไว้ก่อน เพื่อจะได้มีเวลาเตรียมข้อมูลต่อสู้คดีความได้อย่างเต็มที่ หากศาลพิพากษาว่านายชัยวัฒน์เป็นผู้บริสุทธิ์ ก็สามารถกลับเข้ารับราชการได้ตามเดิม



ด้านองค์กรเฝ้าระวังสิทธิมนุษยชนสากล หรือฮิวแมนไรต์วอตช์ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ออกแถลง การณ์เรียกร้องให้ทางการไทยเร่งสืบสวนกรณีการหายตัวไปของนายบิลลี่โดยด่วน โดยนายแบรด อดัมส์ ผอ.ฮิวแมนไรต์วอตช์ ประจำภูมิภาคเอเชีย ระบุว่าทางการไทยไม่ควรนิ่งเงียบต่อกรณีของนายบิลลี่ แต่ควรเร่งชี้แจงว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา นายบิลลี่เป็นแกนนำที่เคลื่อนไหวต่อต้านการเผาไล่ที่ชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่ และเป็นพยานสำคัญในคดีเกี่ยวกับความรุนแรงต่อชาวกะเหรี่ยงในป่าแก่งกระจาน อีกทั้งนายบิลลี่ยังหายสาบสูญไปขณะกำลังนำเอกสาร และหลักฐานจำนวนมากไปให้ชาวบ้านในอีกหมู่บ้านหนึ่ง อีกทั้งนายบิลลี่กำลังจะถวายฎีกา เพื่อขอความเป็นธรรมให้แก่ชาวกะเหรี่ยงแก่งกระจานด้วย



แถลงการณ์ระบุต่อว่า การหายตัวไปของนายบิลลี่ เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ปีหลังการลอบสังหารแกนนำอนุรักษสิ่งแวดล้อมในเขตอุทยานแก่งกระจานอีกรายหนึ่งในปี 2554 ต่อมาในปี 2555 ศาลจังหวัดเพชรบุรีเปิดการพิจารณาคดี โดยฝ่ายโจทก์กล่าวหาว่านายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวด้วย แต่นายชัยวัฒน์กลับไม่ถูกพักราชการ ทั้งที่กฎระเบียบข้อบังคับทางวินัย ระบุชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ที่กำลังถูกสอบสวนในคดีอาญาจะต้องถูกพักราชการก่อน 



ส่วน น.ส.ปริญญา บุญฤทธ์ฤทัยกุล ผอ.แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศ ไทย องค์กรสิทธิมนุษยชนระดับโลก กล่าวว่าการหายตัวไปของนายบิลลี่ สะท้อนให้เห็นถึงสวัสดิภาพในชีวิตของนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนที่มักถูกคุกคามอยู่เสมอ โดยเฉพาะในกรณีที่มีความขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่รัฐ แอมเนสตี้ฯ ขอเรียกร้องไปยังเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน ให้ติดตามและสืบสวนสอบสวนต่อการหายตัวไปของ บิลลี่อย่างรวดเร็ว รอบด้าน เป็นอิสระและยุติธรรม เนื่องจากการถูกทำให้สูญหายของบุคคล ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง 



ผอ.แอมเนสตี้ฯ กล่าวต่อว่า ในหลายกรณีผู้เสียหายไม่เพียงถูกควบคุมตัวโดยไม่มีข้อกล่าวหา ไม่ได้รับการไต่สวน และมักเสี่ยงที่จะถูกทรมาน หรือถูกสังหารในระหว่างการควบคุมตัว ทั้งนี้ รัฐไม่ควรยินยอมให้เกิดการสูญหายของบุคคลขึ้นด้วย และต้องสืบสวนสอบสวนนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ต้องให้การคุ้มครองต่อผู้เสียหายอย่างเป็นธรรม รวมทั้งผู้แจ้งความ พยาน และครอบครัวของผู้เสียหายระหว่างที่มีการดำเนินคดีด้วย



วันเดียวกัน นายนิพนธ์ โชติบาล รักษาการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ กล่าวว่าได้รับรายงานบางส่วนแล้ว แต่ยังไม่มีความ ชัดเจนมากพอ ต้องรอรายงานการชี้แจงจากนายชัยวัฒน์ หัวหน้าอุทยานฯ แก่งกระจาน และต้องสอบถามเรื่องนี้กับทางตำรวจด้วย โดยนายชัยวัฒน์ชี้แจงเบื้องต้นว่าได้ควบคุมตัวนายบิลลี่จริง เนื่องจากมีความผิดเกี่ยวกับน้ำผึ้งป่า ได้ตักเตือนและปล่อยตัวไปแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ และนักศึกษาฝึกงานเป็นพยานได้ ขณะนี้อยู่ในช่วงสอบสวนหาข้อเท็จจริง ต้องสอบถามจากหลายปาก และเรื่องราวยังน่าสงสัยอยู่ ต้องใช้เวลา 2-3 วัน หากสอบสวนแล้วนายชัยวัฒน์มีความผิดจริง จะดำเนินการไปตามระเบียบของกรม และตามกระบวนการยุติธรรม 



ผู้สื่อข่าวถามว่าตามระเบียบที่เคยปฏิบัติ กรณีที่ข้าราชการถูกฟ้องคดีอาญา หรือถูกร้องเรียนว่าทำผิดกฎระเบียบ จะต้องสั่งพักราชการ หรือสั่งย้าย เช่น กรณีนายกฤษฎา หอมสุด อดีตหัวหน้าอุทยานฯ เขาใหญ่ ก็สั่งย้ายมาอยู่ส่วนกลาง แล้วกรณีนายชัยวัฒน์จะสั่งย้ายหรือไม่ นายนิพนธ์กล่าวว่า กรณีของนายกฤษฎานั้น สอบสวนแล้วปรากฏว่าผิดจริง จึงสั่งย้ายมาอยู่ส่วนกลาง แต่นายชัยวัฒน์ ยังสรุปไม่ได้ว่ามีความผิดจริงหรือไม่ ต้องใช้เวลาสอบถามข้อเท็จจริงก่อน ส่วนคดีหรือเรื่องร้องเรียนนายชัยวัฒน์ก่อนหน้านี้ คดีก็สิ้นสุดลงแล้วและไม่มีความผิด ส่วนเรื่องปัจจุบันก็ต้องเริ่มสอบสวนกันใหม่ จะไม่ดำเนินการสองมาตรฐาน และไม่เข้าข้างแน่นอน



วันเดียวกัน นายชัยวัฒน์แถลงยืนยันว่าได้จับกุมตัวนายบิลลี่จริง พร้อมด้วยน้ำผึ้งป่า 6 ขวด และรถจักรยานยนต์ ภายหลังสอบสวนและว่ากล่าวตักเตือนแล้วก็ปล่อยตัวไป โดยมีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ และนักศึกษาฝึกงานอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ส่วนตนก็เดินทางกลับบ้าน กระทั่งวันที่ 19 เม.ย. ได้รับโทรศัพท์จากผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ถามว่านายบิลลี่หายไปไหน หัวหน้าอุทยานฯ จับไปหรือ ก็อธิบายตามที่ได้กล่าวมาแล้วว่าได้ปล่อยตัวไปแล้วระหว่างทาง ก่อนแนะนำให้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านไปแจ้งความบุคคลหายกับตำรวจไว้ก่อน



หัวหน้าอุทยานฯ แก่งกระจาน กล่าวต่อว่าโดยส่วนตัวแล้วเพียงแค่รู้จักนายบิลลี่ แต่ไม่เคยได้พูดคุยกับเขาเลย และก็ไม่รู้ว่านายบิลลี่จะยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เรียกร้องความเป็นธรรมกรณีถูกเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เผาบ้าน ขอชี้แจงเหตุผลว่าในเรื่องฟ้องร้องเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เผาบ้านและยุ้งฉางชาวกะเหรี่ยงนั้น ได้ฟ้องร้องต่อศาลแพ่งแล้ว และศาลแพ่งไต่สวนแล้วไม่พบมูลความจริง ก่อนยกฟ้อง แต่ผู้ร้องอุทธรณ์ต่อ 



"การหายตัวไปของนายบิลลี่ จะมากล่าว หาว่าทางอุทยานฯ เป็นผู้กระทำมันไม่เป็นธรรม หลักฐานต่างๆ ที่กล่าวมา สามารถระบุได้มีตัวตน มีเวลาที่สัมพันธ์กันหมดว่าผมอยู่ที่ไหน แล้วคนที่พบเห็นระหว่างทางอีกจำนวนมาก การหายตัวของนายบิลลี่พร้อมมอเตอร์ไซค์ ในช่วงกระชั้นแบบนั้นคนทำมันต้องเสกได้เท่านั้น ต้องทำให้หายไปในพริบตาได้ ต้องถามกลับไปว่านายบิลลี่เอง มีศัตรูที่ไหนบ้าง ไม่ใช่ว่าพอมาเกี่ยวข้องกับผมก็กลายเป็นเรื่องทุกที ถามว่าน้ำผึ้งแค่ 6 ขวด มันร้ายแรงที่ต้องทำให้นายบิลลี่หายตัวไปเลยหรือ" นายชัยวัฒน์กล่าว



ส่วนที่มีกลุ่มคนออกมากล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลัง หรือเป็นผู้กระทำให้นายบิลลี่หายไปนั้น นายชัยวัฒน์กล่าวว่าก่อนหน้านี้ไม่นาน เจ้าหน้าที่อุทยานฯ พบว่ามีการบุกรุกพื้นที่ในป่าแก่งกระจานเป็นจำนวนมาก หลังจากที่นายวุฒิ บุญเลิศ และพวก เข้าไปพูดให้ชาวบ้านรับทราบ ว่าการเข้าไปใช้ ชีวิตทำไร่สร้างบ้านในป่าที่เป็นวิถีแบบเดิมสามารถทำได้ ทำให้ต่อมาพบว่ามีป่าถูกบุกรุกนับ ร้อยไร่ ขณะนี้ทางอุทยานฯ แจ้งข้อกล่าวหาบุคคลดังกล่าวอยู่ อาจจะเป็นประเด็นนำมาผูกกับเรื่องจับกุมนายบิลลี่ จนหายตัวไปก็โจมตีตนว่าอยู่เบื้องหลัง เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานแจ้งดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าว การโจมตีว่าอยู่เบื้องหลัง ของการหายตัวไปของนายบิลลี่ เป็นความ พยายามต้องการให้ตนถูกสังคมประณามว่าใจร้าย และต้องการย้ายตนออกจากพื้นที่


http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOREl5TURRMU53PT0%3D&sectionid=TURNd01RPT0%3D&day=TWpBeE5DMHdOQzB5TWc9PQ%3D%3D



  ย้อนกลับ   

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง