ญี่ปุ่นให้การช่วยเหลือผู้ลี้ภัยไทยใหญ่และกลุ่มชาติพันธุ์ที่ชายแดนเชียงใหม่
โพสเมื่อวันที่ 04 มี.ค 2556 14:50 น.
ญี่ปุ่นให้การช่วยเหลือผู้ลี้ภัยไทยใหญ่และกลุ่มชาติพันธุ์ที่ชายแดนเชียงใหม่
นายคะซึโอะ ชิบะตะ กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ และนายศักดิ์ชัย คุณานุวัฒน์ชัยเดชนายอำเภอเวียงแหง ลงนามรับมอบความช่วยเหลือเพื่อผู้ลี้ภัยไทยใหญ่ ณ สถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่นเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2556
นายคะซึโอะ ชิบะตะ กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ และนายศักดิ์ชัย คุณานุวัฒน์ชัยเดช นายอำเภอเวียงแหง ลงนามรับมอบความช่วยเหลือเพื่อผู้ลี้ภัยไทยใหญ่ ณ สถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่นเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2556
รัฐบาลญี่ปุ่นให้การช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวไทยใหญ่และกลุ่มชาติพันธฺุ์จาก สหภาพพม่าที่เข้ามาอาศัยในอำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ ผ่านนายอำเภอและนายกฯ อบต.จำนวนเงินกว่า 3 ล้านบาท ตามโครงการความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแบบให้เปล่าเพื่อพื้นฐานและความมั่นคงทางด้านมนุษย์ ...
สถานกงศูลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ แถลงเมื่อวันที่ 18กุมภาพันธ์ 2556ที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตกลงให้การสนับสนุนแก่ศูนย์พักพิงผู้ลี้ภัยชาวไทยใหญ่ ในอำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ ในด้านปรับปรุงสภาพที่อยู่อาศัย การศึกษาและส่งเสริมทักษะในการประกอบอาชีพ ผ่านโครงการความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแบบให้เปล่าเพื่อพื้นฐานและความมั่นคงทางด้านมนุษย์ [Grant Assistance for Grassroots Human Security Projects Scheme (จีจีพี)] เป็นมูลค่า 1,022,000 บาท โดยพิธีลงนามในความตกลงว่าด้วยการช่วยเหลือดังกล่าวมีขึ้นระหว่าง นายคะซึโอะ ชิบะตะ กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่กับนายศักดิ์ชัย คุณานุวัฒน์ชัยเดช นายอาเภอเวียงแหง เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2556 ณ สถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่
แถลงการณ์ระบุว่า เมื่อปี พ.ศ.2545 ได้เกิดการปะทะกันตามแนวชายแดนไทยพม่า (รัฐฉาน) ส่งผลให้เกิดผู้ลี้ภัยชาวพม่าเชื้อสายไทยใหญ่ทะลักเข้ามาในพื้นที่ตำบลเปียงหลวง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นจานวนมากกว่า 600 คน เพื่อเป็นการให้ความช่วยเหลือทางรัฐบาลไทยได้จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวที่กุงจ่อ สาหรับผู้ลี้ภัยกลุ่มดังกล่าว แต่ปรากฏว่าในปัจจุบันผู้ลี้ภัยสงครามเหล่านี้นอกจากที่ต้องอาศัยการช่วยเหลือในด้านอาหารที่ค่อนข้างจำกัดจากองค์กรเอกชนแล้ว ยังมีรายได้ที่จำกัดจากการออกไปทางานนอกศูนย์พักพิง และยังคงต้องอาศัยศูนย์ผู้ลี้ภัยชั่วคราวเป็นแหล่งพักพิงที่สำคัญ ซึ่งนับได้ว่าเป็นการดำรงชีวิตที่ขาดความมั่นคง
ทางรัฐบาลญี่ปุ่นจึงพิจารณาเห็นควรให้การสนับสนุนตามคำขอจากที่ว่าการอาเภอเวียงแหง ซึ่งมีหน้าที่ในการบริหารจัดการศูนย์พักพิงดังกล่าว เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ลี้ภัย ในด้านงบประมาณการซ่อมแซมบ้านพักอาศัยชั่วคราวภายในศูนย์พักพิงฯ การจัดซื้อเครื่องถ่ายเอกสารเพื่อใช้ในการผลิตเอกสารประกอบการเรียนสำหรับเยาวชนผู้ลี้ภัยและการจัดซื้อยานพาหนะเพื่อใช้สาหรับการเดินทางไปเข้ารับการฝึกอบรมทักษะอาชีพ การเดินทางเพื่อเข้าร่วมการประชุมต่างๆ และการเดินทางไปเข้ารับการรักษายังสถานพยาบาล
จึงเป็นที่คาดหมายว่าจากการสนับสนุนในครั้งนี้จะมีประโยชน์ต่อการปรับปรุงแก้ไขปัญหาในด้านสภาพที่อยู่อาศัย อุปกรณ์การศึกษาตลอดจนความสะดวกในการเดินทางเพื่อเข้ารับการอบรม เข้าร่วมการประชุมหรือแม้กระทั้งการเข้ารับการรักษาพยาบาลยังนอกสถานที่ นอกเหนือจากนี้แล้วการสนับสนุนดังกล่าวคงจะส่งผลในการดำรงชีวิตได้อย่างมั่นคงขึ้นภายหลังที่ผู้ลี้ภัยได้เดินทางสู่ประเทศตนเองแล้ว และนอกจากนี้ยังจะมีส่วนช่วยในการสร้างสังคมของประเทศพม่าให้มีเสถียรมากยิ่งขึ้น
นายคะซึโอะ ชิบะตะ กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ และนายอนุสรณ์ คำอ้าย นายกฯ อบต.
เปียงหลวง ลงนามรับมอบความช่วยเหลือเพื่อผู้ลี้ภัยชาติพันธุ์จากพม่า เมื่อวันที่ 18กุมภาพันธ์ 2556
นอกจากนี้ในวันเดียวกัน รัฐบาลญี่ปุ่นตกลงให้การสนับสนุนแก่โครงการพัฒนาทักษะด้านการประกอบอาชีพและศักยภาพของกลุ่มชาติพันธุ์พม่าในตำบลเปียงหลวง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ ผ่านโครงการความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแบบให้เปล่าเพื่อพื้นฐานและความมั่นคงทางด้านมนุษย์ (จีจีพี)] เป็นมูลค่า 1,852,000 บาท อีกด้วย โดยพิธีลงนามในความตกลงว่าด้วยการช่วยเหลือดังกล่าวมีขึ้นระหว่าง นายคะซึโอะ ชิบะตะ กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ กับนายอนุสรณ์ คำอ้าย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเปียงหลวง ณ สถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่นนครเชียงใหม่
แถลงการณ์สถานกงศูลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ ระบุว่า ในพื้นที่ตำบลเปียงหลวง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีแนวชายแดนติดต่อกับประเทศพม่า (รัฐฉาน) มีจำนวนประชากรทั้งสิ้นประมาณ 14,740 คน ซึ่งเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้เป็นผู้ลี้ภัยชาวพม่าเชื้อสายไทยใหญ่ที่อพยพเข้ามาเนื่องจากภัยคุกคามต่างๆ ในประเทศพม่า และปรากฏว่าปัจจุบันนี้สภาพความเป็นอยู่และการทางานของผู้ลี้ภัยเหล่านี้อยู่ในภาวะค่อนข้างลำบาก
ทางรัฐบาลญี่ปุ่นจึงพิจารณาเห็นควรให้การสนับสนุนตามคาขอจากองค์การบริหารส่วนตำบลเปียงหลวง ในด้านงบประมาณเพื่อการจัดสร้างอาคารศูนย์พัฒนาชุมชนจำนวนสองหลัง และการจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆ สำหรับใช้ฝึกอบรมด้านทักษะการประกอบอาชีพต่างๆ เช่น เกษตรกรรม คอมพิวเตอร์ การทอผ้าและเย็บปักถักร้อย ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพในด้านภาษา วัฒนธรรมและสังคมไทยใหญ่ตลอดจนภาษาอังกฤษ ทั้งนี้เพื่อที่จะสามารถพึ่งพาตนเองได้ภายหลังที่ได้เดินทางกลับสู่บ้านเกิดตนเองยังประเทศพม่า
ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นมีนโยบายที่จะให้การสนับสนุนโครงการความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ และสนับสนุนโครงการความต้องการพื้นฐานของมนุษย์อย่างสืบเนื่องต่อไปในอนาคต โดยผ่านทางโครงการความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแบบให้เปล่าเพื่อพื้นฐานและความมั่นคงของมนุษย์ (จีจีพี)
ที่มาของภาพและข่าว
http://www.khonkhurtai.org
|