10 ม.ค.56 ปัญหาสารตะกั่วปนเปื้อนในลำห้วยคลิตี้ จ.กาญจนบุรี ที่ยืดเยื้อมานานถึง 9 ปีเต็ม หลังจากนายยะเสอะ นาสวนสุวรรณ พร้อมด้วยชาวกะเหรี่ยงบ้านคลิตี้ล่าง จำนวน 22 ราย ได้ยื่นขอความช่วยเหลือผ่านทางสภาทนายความและโครงการนิติธรรมสิ่งแวดล้อม ในการฟ้องคดีศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 23 ก.พ.2547 กรณีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะหน่วยงานรัฐที่มีอำนาจในการควบคุมฟื้นฟูจากมลพิษตามกฎหมาย พรบ.สิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535 แต่ละเลยและล่าช้าในการดำเนินงานจนเกิดความเสียหายต่อชาวบ้านและสิ่งแวดล้อมขึ้น
'กรมควบคุมมลพิษ' แพ้คดีชาวบ้านคลิตี้ล่าง
ล่าสุดวันที่ 10 ม.ค.56 ศาลปกครองสูงสุดนัดฟังพิพากษาประวัติศาสตร์กรณี “คลิตี้ล่าง” ขึ้น โดยนายเสน่ห์ บุญทมานพ ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองกลาง นั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในคดีดังกล่าว โดยแก้ไขพิคำพิพากษาของศาลชั้นต้น โดยให้ถูกฟ้องคดีคือกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) จัดทำแผนงาน วิธีการและดำเนินการฟื้นฟูตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างน้ำ ดิน พืชผักให้ครอบคลุมทุกทุกฤดูกาลละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 1 ปี จนกว่าจะพบว่าค่าสารตะกั่วในดิน น้ำ พืชผักอยู่ในค่ามาตรฐาน และให้รายงานผลการติดตามตรวจสอบแบบเปิดเผย ด้วยการแจ้งให้กับชาวบ้านทั้ง 22 รายทราบด้วยการติดประกาศในที่ทำการหมู่บ้านคลิตี้ล่าง ที่องค์การบริหารส่วน ต.ชะแล และที่ว่าการอ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พร้อมกันนี้ขอให้ คพ.จ่ายเงินกับชาวบ้านเป็นค่าชดเชยค่าอาหารจากการที่ไม่สามารถใช้ทรัพยากรต่างๆในพื้นที่มาบริโภคได้ รวมระยะเวลาตั้งแต่เดือน ส.ค.2547-26 มิ.ย.55 รวมทั้งสิ้น 94 เดือน เป็นเงินรายละ 177,199 บาท ภายในระยะเวลา 90 วัน
นายสุรพงษ์ กองจันทึก ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษากะเหรี่ยงและพัฒนา ซึ่งให้ความช่วยเหลือชาวบ้านหลังพบตะกั่วรั่วไหลจากโรงแต่งแร่บริษัทตะกั่วคอนเซนเตรทส์ (ประเทศไทย) เมื่อปี 2541 กล่าวว่า พอใจผลการตัดสินของศาล ในกรณีการพิจารณาจ่ายค่าชดเชยทั้งหมดให้กับชาวบ้านที่ต้องเสียสิทธิจาการหาอาหารตามธรรมชาติซึ่งคิดเฉลี่ยเงินค่าอาหารเพียงมื้อละ 8 บาท หรือ 700 บาทต่อเดือนเท่านั้น แต่ยังไม่พอใจเรื่องที่ศาลไม่กำหนดแนวทางให้ คพ. ฟื้นฟูสารตะกั่วในพื้นที่นี้ ซึ่งเข้าใจว่าศาลต้องการให้ คพ. เป็นหน่วยงานที่เสนอแผนแนวทงการฟื้นฟูเอง
ชาวบ้านพอใจคำตัดสินคดี-หวั่นวิธีฟื้นฟู
ด้านนายยะเสอะ นาสวนสุวรรณ แกนนำชาวบ้านชุมชนคลิตี้ล่าง กล่าวภายหลังจากฟังคำตัดสินคดีของศาลปกครองสูงสุดว่า พอใจในคำตัดสินของศาล ที่มีคำสั่งให้ทางกรมควบคุมมลพิษชดเชยค่าเสียหายพร้อมกับให้เข้าไปติดตามตรวจสอบและดูแลสารตะกั่วที่ปนเปื้อนอยู่ในลำห้วยคลิตี้ อย่างไรก็ตามยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีมาตรการเข้าไปฟื้นฟูแก้ไขลำห้วยด้วยวิธีการใด และจะต้องใช้ระยะเวลานานเท่าใดที่สถานการณ์ของสารพิษปนเปื้อนจะเริ่มดีขึ้นจนชาวบ้านกลับมาดำรงวิถีชีวิตโดยอาศัยทรัพยากรธรรมชาติแบบเดิมได้ ทั้งนี้จะต้องติดตามการเข้ามาฟื้นฟูไปก่อนประมาณ 1-2 เดือน หากยังไม่ดีขึ้นชาวบ้านในชุมชนคลิตี้อาจจะเดินหน้าเรียกร้องต่อไป
“ยังไม่รู้ว่าจะเข้าไปฟื้นฟูได้จริงหรือไม่ เพราะคำตัดสินไม่ได้บอกว่าจะให้ขุดลอกตะกอนดินที่ปนเปื้อนออกไปทิ้งในที่ห่างไกล และพวกเราได้รับผลกระทบมานาน ถ้าน้ำในลำห้วยใช้การไม่ได้ก็ต้องอาศัยน้ำตามป่า ตามภูเขา เราอยากใช้น้ำในลำห้วยแบบเดิม เพราะฉะนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเข้ามาช่วยเหลือฟื้นฟูจริงๆ กลัวว่าจะเป็นเหมือนที่ผ่านมา เพราะการเข้ามาฟื้นฟูลำห้วยมีความล่าช้า โดยภายหลังจากคำตัดสินเราต้องดูสถานการณ์ไปก่อนประมาณ 1-2 เดือนว่าจะดีขึ้นหรือไม่”
ขณะที่นายสมพงษ ทองพาไฉไล หนึ่งในชาวบ้านชุมชนชาวคลิตี้ล่าง กล่าวว่า รู้สึกพอใจในคำตัดสิน แต่ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดำเนินการฟื้นฟูและแก้ไขสารตะกั่วที่ปนเปื้อนในลำห้วยอย่างจริงจัง เนื่องจากที่ผ่านมามีแต่มาตรการเฝ้าระวังของทางกระทรวงสาธารณสุข ส่งผลให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในลำห้วยต้องดำรงชีวิตอยู่บนความเสี่ยง
“ภายหลังจากการตัดสินดคีต้องติดตามต่อไปว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะทำตามที่ชาวบ้านเรียกร้องให้เข้ามาฟื้นฟูแก้ไขได้หรือไม่ ถ้าหากดำเนินการไม่ได้ ต้องมาหาวิธีอื่นๆต่อไปว่าจะทำอย่างไรให้ชาวบ้านสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยความปลอดภัย เพราะพวกเราอยู่บนความเสี่ยง ถ้าน้ำจากภูเขาไม่มีเราต้องกลับมาใช้น้ำในลำห้วยที่มีสารปนเปื้อนเช่นเดิมอีกครั้ง”
'คพ.' เตรียมของบกลาง 3.8 ล้านบาท
ด้านนายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ทาง คพ. น้อมรับคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดในคดีสารตะกั่วคลิตี้ทุกประเด็นไม่วาจะเป็นการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิงแวดล้อม ดิน น้ำ ฝนพื้นที่เป็นเวลา 1 ปี เพราะที่ผ่านมา คพ.ก็ไม่ได้เพิกเฉยกับการป้องกันและแก้ไข และติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ แต่ได้ดำเนินการมาอย่างต่่อเนื่อง โดยเฉพาะกรณีการจัดการดินปนเปื้อนสารตะกั่วที่ถูกนำไปฝังกลบทั้ง 8 หลุมปริมาณราว 3,000 ตัน บริเวณริมลำห้วยคลิตี้นั้น ขณะนี้ทาง คพ. มีข้อสรุปแล้วว่าจะขนดินออกมากำจัดนอกพื้นที่ให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือนข้างหน้า
นายวิเชียร กล่าวว่า ส่วนการจ่ายเงินชดเชยให้กับชาวบ้านท้ั่ง 22 ราย ตามคำสั่งศาลรวมเป็นเงินกว่า 3.89 ล้านบาทนั่น คพ. จะดูรายละเอียด เพื่อเตรียมขอใช้งบกลางเสนอไปยังรัฐบาลในเร็วๆนี้
ที่มา
http://www.komchadluek.net/detail/20130110/149091/%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%AE!%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%9E.%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A21.7%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%99.html#.UO6IAeQ3vEh