สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  ข่าวชาติพันธุ์

ชนเผ่าบุกกรุงสัปดาห์นี้ ทวงสัญญาเขตวัฒนธรรมพิเศษ
โพสเมื่อวันที่ 27 มี.ค 2555 16:57 น. 



ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

       ชนเผ่าบุกกรุงสัปดาห์นี้ ทวงสัญญาเขตวัฒนธรรมพิเศษ ปักหลักค้างข้างริมทำเนียบ-แสดงเวทีวัฒนธรรม ยื่นข้อเสนอรัฐบาล เผย ถูกกดดันมานาน “ครูแดง” หนุนตั้ง กก.ระดับชาติร่วมแก้ปัญหา แนะรัฐบาลจริงใจสานต่อมติ ครม.เดิม
       
       วันนี้ (25 มี.ค.) นายสุวิชาน พนาไพรวัลย์ ศิลปิน ชื่อดังชาวกะเหรี่ยง ในฐานะคณะกรรมการเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองเปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 29-30 มีนาคม ชาวบ้านกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ เช่น ชาวเล กะเหรี่ยง ม้ง อาข่า ลีซู เป็นต้น กว่า 650 คน จะเดินทางมาร่วมจัดกิจกรรมและนอนค้างที่บริเวณริมถนนข้างทำเนียบรัฐบาล (ฝั่งโรงเรียนพณิชยการวิทยาเขตพระนคร) เพื่อยื่นข้อเสนอต่างๆ ต่อรัฐบาลหลายประการ อาทิ ให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการนโยบายฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้น เมือง ตามมติ คณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่ 2 มิถุนาย 2553 เรื่องเขตวัฒนธรรมพิเศษชาวเล และวันที่ 3 สิงหาคม 2553 เรื่องเขตวัฒนธรรมพิเศษชาวกะเหรี่ยง โดยเสนอให้มีรองนายกรัฐมนตรี ที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธาน และขอให้คณะกรรมการชุดนี้เร่งประกาศพื้นที่นำร่อง ชาวเล 8 พื้นที่ กะเหรี่ยง 4 พื้นที่ ตามที่ได้มีผลการศึกษาของสถาบันวิชาการทำไว้แล้ว
       
       นายสุวิชาน กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังขอให้คณะกรรมการ ชุดที่มีรองนายกฯเป็นประธานนี้ หาแนวทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองในกรณีปัญหา เร่งด่วน เช่น ปัญหาที่ดิน พื้นที่ทำกิน พื้นที่วัฒนธรรม เรื่องสัญชาติ และการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานอื่นๆ อย่างเท่าเทียม และขอให้จัดตั้งกองทุนชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง เบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาทต่อปี เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็ง สนับสนุนการศึกษาวิจัย เพื่อเปิดพื้นที่ให้ชนเผ่าต่างๆ ฟื้นฟูวิถีชีวิตวัฒนธรรม การแก้ปัญหา พัฒนาไปสู่การประกาศเขตสังคมวัฒนธรรมพิเศษ รวมทั้งสนับสนุนให้เกิดสถาบันของกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศ ไทย
       
       “เราจะนอนค้างกันข้างทำเนียบ เพราะต้องการอธิบายให้รัฐบาลและสังคมเข้าใจถึงปัญหาของพวกเรา เพราะที่ผ่านมา เราถูกกล่าวหามาตลอดว่าเป็นผู้บุกรุกทำลายป่า ทั้งที่อยู่มานาน ถูกโยกย้ายเผาบ้านเผาเรือนเผายุ้งข้าวซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่รุนแรง และไม่ได้รับความเป็นธรรม นอกจากนั้น เรื่องบัตรประชาชนและสัญชาติก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข เราจึงคิดว่าถึงเวลาที่เราต้องมา” นายสุวิชาน กล่าว และว่า ในคืนวันที่ 29 มี.ค.นี้ จะมีการแสดงวัฒนธรรมประจำท้องถิ่นของแต่ละชนเผ่าจึงอยากเชิญชวนผู้ ที่สนใจ และประชาชนทั่วไปมาร่วมรับชมการแสดงพื้นบ้านเหล่านี้ พอเช้าวันที่ 30 มี.ค.แต่ละคนจะแต่งชุดประจำเผ่าเดินไปยังสถานีรถไฟฟ้า เพื่อรณรงค์ให้คนกรุงเทพฯเข้าใจปัญหาของพวกตน ขณะที่บางส่วนจะไปร่วมงานสมัชชาปฏิรูปที่ศูนย์ประชุมไบเทค บางนา
       
       ด้านนางเตือนใจ ดีเทศน์ ประธานเครือข่ายผู้เสียโอกาสกลุ่มชาติพันธุ์และคนจนเมือง คณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป กล่าวว่า วาระเรื่องชนเผ่าเสนอเป็นประเด็นเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการสมัชชา ปฏิรูปในปีหน้าโดยชาวบ้านที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ อยากให้รัฐบาลทำให้มติ ครม.ที่ฟื้นฟูชาติพันธุ์ต่างๆเกิดขึ้นจริง ซึ่งตนเองก็เห็นด้วยตามข้อเสนอของกลุ่มชาติพันธุ์ที่ต้องการให้มีคณะกรรมการ ร่วมภาครัฐและกลุ่มชาติพันธุ์เพื่อดูแลปัญหาต่างๆ ของคนเหล่านี้ โดยเฉพาะปัญหาไร้สัญชาติ เพราะปัจจุบันหากที่ใดทำงานร่วมกันด้วยดีระหว่างภาครัฐและเจ้าของปัญหารวม ถึงองค์กรสนับสนุน การแก้ปัญหาก็มักจะสำเร็จ แต่พื้นที่ไหนเจ้าของปัญหาและข้าราชการไม่ร่วมมือกันเข้มแข็งก็จะยังมีปัญหา อยู่ เช่น กรณีของลาวที่อุบลฯ หรือ ชาวเล ซึ่งมีการกระตุ้นน้อยเกินไป ทำให้ไม่คืบหน้าเท่าที่ควร
       
       “ปัญหาของชาวเลเป็นเรื่องของผล ประโยชน์ทับซ้อน เนื่องจากผู้อ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินรายใหม่ออกเอกสารสิทธืทับที่ดินของชาว เลที่อยู่กันมานาน เรื่องนี้ต้องการนโยบายชัดเจนของรัฐบาลที่ทำให้พวกเขา การเดินทางมาจัดกิจกรรมข้างทำเนียบรัฐบาลครั้งนี้ พวกเขาต้องการสะท้อนให้เห็นอัตลักษณ์ของเขาเอง พวกเขามากันจากหลายพื้นที่ เช่นคนต้นทะเล คือ ปกะเกอญอจากอุ้งผาง จ.ตาก หรือคนที่ไมเคยแสดงตัวตนเช่นชาวมอญจากอำเภอสังขละ จ.กาญจนบุรี ครั้งนี้ พวกเขามีความตื่นตัวมาก เพราะอยากให้รู้ว่าแผ่นดินสยามมีความหลากหลายและพวกเขาก็เป็นมรดกทาง วัฒนธรรมของชาติ” นางเตือนใจ กล่าว


ที่มา
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9550000037952




  ย้อนกลับ   

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง