สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  แนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง

รายงานสรุปการลงพื้นที่และร่วมเวที “19 ปี มอวาคี สู่ความร่วมมือในการจัดการศึกษาโรงเรียนชุมชน”
บทความโดย : โดยทีมงาน | โพสเมื่อวันที่ 24 เม.ย 2555 12:39 น.
 



รายงานสรุปการลงพื้นที่และร่วมเวที

19 ปี มอวาคี สู่ความร่วมมือในการจัดการศึกษาโรงเรียนชุมชน”

วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม 2554

ณ โรงเรียนชุมชนมอวาคี ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่

***********************

 

ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) นำโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์สุวรรณา เกรียงไกรเพ็ชร์ นางสาวสรินยา คำเมือง นางสาวจีระวรรณ์ บรรเทาทุกข์และนางสาวรุ้งตะวัน อ่วมอินทร์ ได้เข้าร่วมเวทีการจัดการศึกษาโดยชุมชนของโรงเรียนชุมชนมอวาคี จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 10 มีนาคม 2554 เพื่อร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนเรียนรู้การนำเสนอบทเรียนและข้อเสนอการจัดการศึกษาทางเลือกโดยชุมชน

 

ความเป็นมา

โรงเรียนชุมชนมอวาคี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2535 โดยสมาคมศูนย์รวมการศึกษาและวัฒนธรรมของชาวไทยภูเขาในประเทศไทย (IMPECT) ได้ประสานความร่วมมือกับศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันใช้ชื่อว่าศูนย์การเรียนชุมชนแม่ฟ้าหลวง บ้านหนองมณฑา (มอวาคี) โรงเรียนได้จัดร่างเนื้อหาหลักสูตรท้องถิ่นของกะเหรี่ยงขึ้น 2 เล่ม คือหนังสือหลักสูตรท้องถิ่น และแผนการสอนหลักสูตรท้องถิ่น โดยมีการเรียนการสอนต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 19 ปี จากประสบการณ์และบทเรียนการจัดการศึกษาโดยชุมชนบ้านมอวาคี ถือเป็นความก้าวหน้าในทางปฏิบัติของการจัดการศึกษาโดยชุมชน ซึ่งได้พบบทเรียนสำคัญคือ การเรียนรู้เพื่อความเข้าใจชุมชน การเคารพตนเองและผู้อื่น การอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างมีความสุขและการเรียนรู้เพื่อรับใช้ชุมชน ทำให้ผู้เรียนภูมิใจในภาษา วัฒนธรรมประเพณีและท้องถิ่นของตนเอง สามารถต่อยอดองค์ความรู้และคุณค่าเดิมของชนเผ่าปกาเกอะญอ ตลอดจนนำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตปัจจุบันได้อย่างรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคม แต่ทว่าก็ยังมีปัญหาอุปสรรคด้านกฎหมายในการรองรับการจัดการศึกษาโดยชุมชน รวมถึงการสนับสนุนทรัพยากรด้านต่างๆ ของหน่วยงานภาครัฐ

 

จากจุดนี้โรงเรียนชุมชนบ้านมอวาคี และเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน อันได้แก่สมาคมศูนย์รวมการศึกษาและวัฒนธรรมของชาวไทยภูเขาในประเทศไทย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอแม่วางจังหวัดเชียงใหม่ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง สำนักงานการศึกษาเขตพื้นที่เขต 4 จังหวัดเชียงใหม่ เครือข่ายการศึกษาเพื่อเด็ก จึงได้ร่วมกันจัดเวทีความร่วมมือในการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษาของโรงเรียนชุมชนมอวาคีนี้ขึ้น เพื่อนำเสนอบทเรียนและข้อเสนอการจัดการศึกษาโดยชุมชน และเพื่อให้หลายภาคส่วนได้มีโอกาสในการพัฒนาความร่วมมือในการจัดการศึกษาโดยชุมชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยชุมชนอย่างเป็นรูปธรรมในอนาคตต่อไป

 

บรรยากาศในเวทีการจัดการศึกษาโดยชุมชน

บรรยากาศในงานมีความร่วมมือจากหลายภาคส่วนโดยเด็ก เยาวชนและผู้ใหญ่ในชุมชนมอวาคีเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนกิจกรรม เจ้าหน้าที่สมาคมศูนย์รวมการศึกษาและวัฒนธรรมของชาวไทยภูเขาในประเทศไทยเป็นผู้หนุนเสริม และมีแขกที่มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้พร้อมให้กำลังใจชาวมอวาคีนับร้อยคน กิจกรรมในงานประกอบด้วยการจัดซุ้มนิทรรศการให้ความรู้เรื่องชนเผ่าพื้นเมือง การจัดซุ้มความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นปกาเกอะญอ เวทีการแสดงและเสวนาวิชาการ โดยเริ่มต้นด้วยพิธี “แควะ ซิ โข่” (พิธีรินหัวเหล้า) เป็นพิธีของชาวปกาเกอะญอ โดยผู้นำประเพณี เป็นผู้นำข้าวสวย ไก่ต้มและเหล้า มาถวายเจ้าป่าเจ้าเขาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อแจ้งให้ทราบว่าในหมู่บ้านกำลังจัดงานเวทีการศึกษา ขอให้ทุกอย่างเป็นอย่างราบรื่นไม่มีอุปสรรคใดๆ

 

เมื่อเสร็จพิธีรินหัวเหล้าพิธีกรได้เชิญแขกที่มาร่วมงานผูกข้อมือรับขวัญ แล้วต่อด้วยการกล่าววัตถุประสงค์ของการจัดงาน และเชิญพ่อหลวงจอนิ โอ่โดเชา ขึ้นกล่าวเปิดการประชุม เริ่มการแสดงบนเวทีด้วยการแสดงละครเด็ก จากกลุ่มเด็กและเยาวชนบ้านมอวาคี ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะจากชุมชนและแขกที่มาร่วมงานได้อย่างมาก ถัดจากละครเด็กจึงได้เข้าสู่บรรยากาศของเวทีเสวนาวิชาการเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ปรัชญาแนวคิดและความเป็นมาของโรงเรียนชุมชนมอวาคี กระบวนการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นตามวิถีการดำเนินชีวิตชาวปกาเกอะญอ องค์กรชุมชนและปฏิบัติการการถ่ายทอดองค์ความรู้ภูมิปัญญาสู่ลูกหลาน เวทีเสวนาปรัชญาแนวคิด การจัดการศึกษาและความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ กับการสนับสนุนโรงเรียนชุมชนมอวาคี และเวทีเสวนาประสบการณ์ในการจัดการพัฒนาโรงเรียนชุมชนจากภาคีเครือข่าย

 

ในช่วงท้ายของเวทีผู้นำชุมชนตามประเพณีได้ทำพิธีปิดด้วยพิธีกรรม “แควะ ซิ คี” (พิธีรินเหล้าก้นขวด) ตามประเพณีของปกาเกอะญอเพื่อขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าป่าเจ้าเขาที่ดูแลหมู่บ้าน คนในชุมชน รวมถึงแขกที่มาร่วมงาน และทำให้เวทีครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เมื่อเสร็จพิธีทุกคนต่างแยกย้ายเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ

 

สาระสำคัญจากเสียงสะท้อนของภาคีความร่วมมือ

เสียงสะท้อนจากเด็กและเยาวชนมอวาคี

สาระสำคัญจากเสียงสะท้อนของเด็กและเยาวชนมอวาคีผ่านละครเด็กพบว่า กลุ่มเด็กและเยาวชนโรงเรียนมอวาคีต่างแสดงละครสะท้อนวิถีชีวิตปกาเกอะญอและการเรียนรู้ในหลักสูตรท้องถิ่นของตนด้วยความสุข ท่ามกลางเสียงหัวเราะชอบใจของผู้ใหญ่และแขกที่มาร่วมงาน ช่วงการแสดงเด็กใช้บทพูดเป็นภาษาปกาเกอะญอโดยมีผู้ใหญ่แปลเป็นภาษาไทยให้ เนื้อหาของละครสะท้อนวิถีแบบเรียบง่ายผ่านฉากในวิถีชีวิตประจำวัน เช่นผู้หญิงทอผ้า ผู้ชายทำจักรสาน ยามว่างจากงานก็มาเล่นเตหน่า ขับลำนำเพลง และได้แสดงพิธีกรรมเคารพธรรมชาติด้วยการขอขมาต้นไม้เมื่อถึงฤดูกาลฟันไร่ แสดงพิธีผูกข้อมือเรียกขวัญ รวมทั้งยังนำเสนอฉากกระแสแห่งการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ สังคม การศึกษาและวัฒนธรรมที่ทำให้เด็กต้องออกไปเรียนในเมือง เมื่อกลับมาบ้านจึงไม่มีความรู้เรื่องชื่อต้นไม้ พืชพันธุ์ต่างๆ ในป่า ไม่ภูมิใจในเสื้อผ้าแบบชนเผ่า อยากเล่นกีตาร์แทนเตหน่า นิยมเพลงไทยมากว่าบทเพลงของปกาเกอะญอ เหล่านี้จึงทำให้พ่อแม่เห็นว่าจำเป็นต้องนำลูกกลับมาเรียนรู้ในชุมชนและเรียนรู้เรื่องตัวเองก่อน โดยในโรงเรียนมอวาคีจะสอนทั้งภาษาไทย และปกาเกอะญอเพื่อให้เด็กรู้จักภาษาไทยโดยไม่ลืมรากเหง้าภาษาตนเอง มีการสอนขับลำนำเพลง ปกาเกอะญอ ให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องธรรมชาติ ความเชื่อเรื่องการเคารพธรรมชาติและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติ ในช่วงท้ายของละครมีข้อวิงวอนของเด็กและเยาวชนโรงเรียนมอวาคีว่า ขอให้เจ้าหน้าที่รัฐและผู้บริหารด้านการศึกษามอบอำนาจให้ชุมชนมอวาคีสามารถจัดการศึกษาโดยชุมชนเองด้วยเถิด เพื่อให้เด็กได้สามารถเรียนอยู่ในโรงเรียนต่อเนื่องจนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

 

เสียงสะท้อนจากปราชญ์ผู้รู้ และครูในโรงเรียน

ส่วนเสียงสะท้อนจากปราชญ์ผู้รู้และครูในโรงเรียนกล่าวว่า หลักสูตรท้องถิ่นโรงเรียนชุมชนมอวาคีนี้เกิดจากการตั้งคำถามว่าชนเผ่าจะดำรงวิถีของตนได้อย่างไร หากนำเอาความรู้แบบใหม่ที่ไม่สอดคล้องกับวิถีของตนมาสอนลูกหลานของตน จึงเป็นที่มาของการเรียนการสอนที่เชื่อมโยงกับภูมิปัญญาของชาว ปกาเกอะญอ ซึ่งสอนว่า “อยู่กับป่าต้องรักษาป่า อยู่กับน้ำต้องรักษาน้ำ” โดยใช้บทเพลงปกาเกอะญอสอดแทรกการเรียนรู้ ให้เด็กเข้าใจวิถีชีวิตคนอยู่กับป่า ประกอบกับระบบนิเวศน์ทุกวันนี้กำลังจะสูญเสียไป หากไม่หันมาให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาป่าและน้ำ เหล่านี้จึงเป็นที่มาของการจัดการเรียนการสอนแบบหลักสูตรท้องถิ่นในโรงเรียนมอวาคีขึ้น เพื่อให้คนรุ่นใหม่สืบสานองค์ความรู้และเป็นผู้ถ่ายทอดสู่คนรุ่นหลังต่อไป

 

ในส่วนของกระบวนการพัฒนาหลักสูตรนั้น ได้เริ่มจากการพูดคุยกับชุมชนเพื่อพัฒนาสาระการเรียนรู้โดยผสมผสานระหว่างหลักสูตรแบบการศึกษานอกโรงเรียน 8 สาระการเรียนรู้ของสำนักงานคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา (สพฐ.) และผนวกภูมิปัญญาปกาเกอะญอเข้าด้วยกัน ซึ่งถือเป็นเนื้อหาการเรียนรู้แบบพิเศษที่เด็กได้เรียนอ่านเขียนภาษาปกาเกอะญอและได้เรียนรู้ภาษาวัฒนธรรมภายนอกด้วย มีการเรียนรู้แบบให้สัมผัสธรรมชาติจริง ปฏิบัติจริง โดยครูผู้สอนสามารถเรียนรู้ไปพร้อมกับเด็กด้วย โดยเข้าไปเรียนรู้ในป่า เรื่องการจัดการทรัพยากรป่า ความเชื่อ พิธีกรรม ความรู้เรื่องสมุนไพร เป็นต้น ผลสัมฤทธิ์ด้านการเรียนของเด็กนั้นพบว่า หลังจากเด็กจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แล้วสามารถสอบเข้าเรียนต่อในระดับที่สูงกว่าได้ โดยหลายคนสอบเข้าเรียนในห้อง 1 ของโรงเรียนประจำตำบลที่แม่วินได้ ปราชญ์ผู้รู้ชาวปกาเกอะญอได้เสนอความเห็นว่าการขับเคลื่อนงานด้านการศึกษาโดยชุมชนนี้ หน่วยงานราชการ องค์กรพัฒนาเอกชน และศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ควรมาร่วมสนับสนุน ร่วมคิด พัฒนาหลักสูตรและช่วยดูแลสวัสดิการครู พร้อมกับขยายองค์ความรู้เรื่องหลักสูตรท้องถิ่นโดยชุมชนไปสู่โรงเรียนในสังกัดของสำนักงานคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาอื่นๆ ด้วย

 

เสียงสะท้อนจากนักวิชาการและเจ้าหน้าที่ด้านการศึกษา

ฝ่ายของนักวิชาการและเจ้าหน้าที่ด้านการศึกษาจากภาครัฐ กล่าวว่ารัฐต้องมีหน้าที่ดูแลเด็กทุกกลุ่มให้เข้าถึงการศึกษาเพื่อการเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ และต่างชื่นชมแนวทางการจัดการศึกษาของชุมชนมอวาคีว่า แม้จะอยู่ห่างไกลเมืองก็ยังสามารถจัดการศึกษาของตนเองได้ และเป็นต้นแบบที่ดี ขณะนี้เรามีร่างกฎกระทรวงเพื่อเสนอให้ชุมชนจัดการศึกษาของตนเอง ซึ่งหากผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีชุมชนก็จะได้รับการรับรองและได้รับงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐตามกฎหมาย ฝ่ายการศึกษาได้เสนอแนวทางในช่วงรอประกาศกระทรวงว่า ควรจัดทำข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อให้การจัดการศึกษาในชุมชนขับเคลื่อนไปได้อย่างคล่องตัว โดยมีหน่วยงานภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมาลงนามความร่วมมือด้วยกัน เพื่อดำเนินการในรูปแบบต่างๆ เช่น การสนับสนุนบุคลากรครู การพัฒนาศักยภาพครู การสนับสนุนงบประมาณ อุปกรณ์การศึกษา การร่วมพัฒนาคุณภาพหลักสูตรและการเรียนการสอน การส่งนักศึกษาครูมาฝึกสอนในชุมชน เป็นต้น นอกจากนี้เห็นว่าในโอกาสที่โรงเรียนมอวาคี ได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 19 จึงเป็นจุดสำคัญที่ภาคส่วนต่างๆ ควรได้มาร่วมทบทวน ถอดบทเรียนและมองโอกาสด้านการศึกษาของเด็ก รวมถึงเรื่องอาชีพภายหลังจบการศึกษา ตลอดจนนำความรู้กลับมาพัฒนาชุมชนของตนได้

 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุวรรณา เกรียงไกรเพ็ชร์ ผู้อำนวยการศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ได้ฝากประเด็นแลกเปลี่ยนในเวทีด้วยเช่นกันว่า ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธรได้ทำงานด้านการประสานความร่วมมือและสร้างความเข้าใจในวิถีวัฒนธรรมกะเหรี่ยงร่วมกับภาคีเครือข่าย เพื่อผลักดันให้มติครม.ฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยงเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้รัฐรับรองวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวกะเหรี่ยง โดยนำแนวนโยบายไปสู่การแก้ไขปัญหาที่เป็นจริงและปฏิบัติได้ ณ วันนี้เรามีข้อเสนอด้านการศึกษาตามมติ ครม.ที่ชัดเจน ดังเช่นให้เร่งรัดการออกกฎกระทรวงด้านการจัดการศึกษาโดยชุมชน ฉะนั้นเราจึงต้องแสวงหาความร่วมมือเพื่อให้ถ้อยคำเกิดขึ้นได้จริง โดยการสนับสนุนให้ชุมชนมีสามารถกำหนดหลักสูตรการศึกษาด้วยตนเอง มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาสนับสนุนงบประมาณ เราต้องเข้าไปให้ถูกจุด มองร่วมกันให้ชัดว่าจะก้าวไปทิศทางไหน ทำตามความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง เพื่อกำหนดอนาคตของเราเอง

 

ผศ.ชูพินิจ เกษมณี ได้กล่าวประเด็นที่สำคัญว่า โรงเรียนชุมชนบ้านมอวาคีนี้ ควรพิจารณาเรื่องความเป็นต้นแบบเรื่องการศึกษาผ่านหลักสูตรที่สะท้อนวิถีวัฒนธรรมแบบองค์รวมของตน ซึ่งความพิเศษของโรงเรียนชุมชนมอวาคีอยู่ที่ชุมชนมีส่วนร่วมอย่างมาก มีพ่อบ้านและแม่บ้านมาช่วยทำอาหาร เป็นพี่เลี้ยงเด็กและพัฒนาโรงเรียนมาโดยตลอด มีหลักสูตรท้องถิ่นตามวิถีวัฒนธรรมปกาเกอะญอ ซึ่งให้ความสำคัญกับภาษาแม่ โดยผู้เรียนสามารถเรียนได้สองภาษา สำหรับแนวทางที่ควรพัฒนาต่อไปนั้น เห็นว่าควรมีการใช้แนวคิดการศึกษาพหุวัฒนธรรม เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้วัฒนธรรมทั้งของตนเองและวัฒนธรรมอื่นๆ ของเพื่อน และกล่าวอีกว่า การจัดการศึกษาแบบโรงเรียนชุมชนมอวาคีในอนาคต จะเป็นชุมชนนำร่องด้านการจัดการศึกษาของตนเองที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมและสามารถนำเสนอโครงการไปยังสำนักงบประมาณเพื่อขอรับทุนสนับสนุน ตามมติ ครม.ฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง และได้ให้กำลังใจชุมชนมอวาคีว่าขอให้มุ่งมั่น ทำงานด้านการศึกษาต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ พยายามหาเวทีพูดคุยในระดับต่างๆ และแสวงหาความร่วมมือจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องเพื่อให้การจัดการศึกษาทางเลือกของชุมชน เป็นการเลือกที่แท้จริงและเลือกอย่างมีศักดิ์ศรีโดยชุมชนเอง


                                      ************************************

 

จีระวรรณ์ บรรเทาทุกข์

ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)

 

 

 


 

 



Downloads PDF

  ย้อนกลับ   

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง