รายงานสรุปการลงพื้นที่และร่วมเวที “19 ปี มอวาคี สู่ความร่วมมือในการจัดการศึกษาโรงเรียนชุมชน”
บทความโดย :
โดยทีมงาน | โพสเมื่อวันที่ 24 เม.ย 2555 12:39 น.
รายงานสรุปการลงพื้นที่และร่วมเวที
“19 ปี มอวาคี สู่ความร่วมมือในการจัดการศึกษาโรงเรียนชุมชน”
วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม 2554
ณ โรงเรียนชุมชนมอวาคี ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่
***********************
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) นำโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์สุวรรณา เกรียงไกรเพ็ชร์ นางสาวสรินยา คำเมือง นางสาวจีระวรรณ์ บรรเทาทุกข์และนางสาวรุ้งตะวัน อ่วมอินทร์ ได้เข้าร่วมเวทีการจัดการศึกษาโดยชุมชนของโรงเรียนชุมชนมอวาคี จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 10 มีนาคม 2554 เพื่อร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนเรียนรู้การนำเสนอบทเรียนและข้อเสนอการจัดการศึกษาทางเลือกโดยชุมชน
ความเป็นมา
โรงเรียนชุมชนมอวาคี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2535 โดยสมาคมศูนย์รวมการศึกษาและวัฒนธรรมของชาวไทยภูเขาในประเทศไทย (IMPECT) ได้ประสานความร่วมมือกับศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันใช้ชื่อว่าศูนย์การเรียนชุมชนแม่ฟ้าหลวง บ้านหนองมณฑา (มอวาคี) โรงเรียนได้จัดร่างเนื้อหาหลักสูตรท้องถิ่นของกะเหรี่ยงขึ้น 2 เล่ม คือหนังสือหลักสูตรท้องถิ่น และแผนการสอนหลักสูตรท้องถิ่น โดยมีการเรียนการสอนต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 19 ปี จากประสบการณ์และบทเรียนการจัดการศึกษาโดยชุมชนบ้านมอวาคี ถือเป็นความก้าวหน้าในทางปฏิบัติของการจัดการศึกษาโดยชุมชน ซึ่งได้พบบทเรียนสำคัญคือ การเรียนรู้เพื่อความเข้าใจชุมชน การเคารพตนเองและผู้อื่น การอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างมีความสุขและการเรียนรู้เพื่อรับใช้ชุมชน ทำให้ผู้เรียนภูมิใจในภาษา วัฒนธรรมประเพณีและท้องถิ่นของตนเอง สามารถต่อยอดองค์ความรู้และคุณค่าเดิมของชนเผ่าปกาเกอะญอ ตลอดจนนำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตปัจจุบันได้อย่างรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคม แต่ทว่าก็ยังมีปัญหาอุปสรรคด้านกฎหมายในการรองรับการจัดการศึกษาโดยชุมชน รวมถึงการสนับสนุนทรัพยากรด้านต่างๆ ของหน่วยงานภาครัฐ
จากจุดนี้โรงเรียนชุมชนบ้านมอวาคี และเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน อันได้แก่สมาคมศูนย์รวมการศึกษาและวัฒนธรรมของชาวไทยภูเขาในประเทศไทย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอแม่วางจังหวัดเชียงใหม่ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง สำนักงานการศึกษาเขตพื้นที่เขต 4 จังหวัดเชียงใหม่ เครือข่ายการศึกษาเพื่อเด็ก จึงได้ร่วมกันจัดเวทีความร่วมมือในการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษาของโรงเรียนชุมชนมอวาคีนี้ขึ้น เพื่อนำเสนอบทเรียนและข้อเสนอการจัดการศึกษาโดยชุมชน และเพื่อให้หลายภาคส่วนได้มีโอกาสในการพัฒนาความร่วมมือในการจัดการศึกษาโดยชุมชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยชุมชนอย่างเป็นรูปธรรมในอนาคตต่อไป
บรรยากาศในเวทีการจัดการศึกษาโดยชุมชน
บรรยากาศในงานมีความร่วมมือจากหลายภาคส่วนโดยเด็ก เยาวชนและผู้ใหญ่ในชุมชนมอวาคีเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนกิจกรรม เจ้าหน้าที่สมาคมศูนย์รวมการศึกษาและวัฒนธรรมของชาวไทยภูเขาในประเทศไทยเป็นผู้หนุนเสริม และมีแขกที่มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้พร้อมให้กำลังใจชาวมอวาคีนับร้อยคน กิจกรรมในงานประกอบด้วยการจัดซุ้มนิทรรศการให้ความรู้เรื่องชนเผ่าพื้นเมือง การจัดซุ้มความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นปกาเกอะญอ เวทีการแสดงและเสวนาวิชาการ โดยเริ่มต้นด้วยพิธี “แควะ ซิ โข่” (พิธีรินหัวเหล้า) เป็นพิธีของชาวปกาเกอะญอ โดยผู้นำประเพณี เป็นผู้นำข้าวสวย ไก่ต้มและเหล้า มาถวายเจ้าป่าเจ้าเขาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อแจ้งให้ทราบว่าในหมู่บ้านกำลังจัดงานเวทีการศึกษา ขอให้ทุกอย่างเป็นอย่างราบรื่นไม่มีอุปสรรคใดๆ
เมื่อเสร็จพิธีรินหัวเหล้าพิธีกรได้เชิญแขกที่มาร่วมงานผูกข้อมือรับขวัญ แล้วต่อด้วยการกล่าววัตถุประสงค์ของการจัดงาน และเชิญพ่อหลวงจอนิ โอ่โดเชา ขึ้นกล่าวเปิดการประชุม เริ่มการแสดงบนเวทีด้วยการแสดงละครเด็ก จากกลุ่มเด็กและเยาวชนบ้านมอวาคี ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะจากชุมชนและแขกที่มาร่วมงานได้อย่างมาก ถัดจากละครเด็กจึงได้เข้าสู่บรรยากาศของเวทีเสวนาวิชาการเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ปรัชญาแนวคิดและความเป็นมาของโรงเรียนชุมชนมอวาคี กระบวนการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นตามวิถีการดำเนินชีวิตชาวปกาเกอะญอ องค์กรชุมชนและปฏิบัติการการถ่ายทอดองค์ความรู้ภูมิปัญญาสู่ลูกหลาน เวทีเสวนาปรัชญาแนวคิด การจัดการศึกษาและความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ กับการสนับสนุนโรงเรียนชุมชนมอวาคี และเวทีเสวนาประสบการณ์ในการจัดการพัฒนาโรงเรียนชุมชนจากภาคีเครือข่าย
ในช่วงท้ายของเวทีผู้นำชุมชนตามประเพณีได้ทำพิธีปิดด้วยพิธีกรรม “แควะ ซิ คี” (พิธีรินเหล้าก้นขวด) ตามประเพณีของปกาเกอะญอเพื่อขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าป่าเจ้าเขาที่ดูแลหมู่บ้าน คนในชุมชน รวมถึงแขกที่มาร่วมงาน และทำให้เวทีครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เมื่อเสร็จพิธีทุกคนต่างแยกย้ายเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ
สาระสำคัญจากเสียงสะท้อนของภาคีความร่วมมือ
เสียงสะท้อนจากเด็กและเยาวชนมอวาคี
สาระสำคัญจากเสียงสะท้อนของเด็กและเยาวชนมอวาคีผ่านละครเด็กพบว่า กลุ่มเด็กและเยาวชนโรงเรียนมอวาคีต่างแสดงละครสะท้อนวิถีชีวิตปกาเกอะญอและการเรียนรู้ในหลักสูตรท้องถิ่นของตนด้วยความสุข ท่ามกลางเสียงหัวเราะชอบใจของผู้ใหญ่และแขกที่มาร่วมงาน ช่วงการแสดงเด็กใช้บทพูดเป็นภาษาปกาเกอะญอโดยมีผู้ใหญ่แปลเป็นภาษาไทยให้ เนื้อหาของละครสะท้อนวิถีแบบเรียบง่ายผ่านฉากในวิถีชีวิตประจำวัน เช่นผู้หญิงทอผ้า ผู้ชายทำจักรสาน ยามว่างจากงานก็มาเล่นเตหน่า ขับลำนำเพลง และได้แสดงพิธีกรรมเคารพธรรมชาติด้วยการขอขมาต้นไม้เมื่อถึงฤดูกาลฟันไร่ แสดงพิธีผูกข้อมือเรียกขวัญ รวมทั้งยังนำเสนอฉากกระแสแห่งการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ สังคม การศึกษาและวัฒนธรรมที่ทำให้เด็กต้องออกไปเรียนในเมือง เมื่อกลับมาบ้านจึงไม่มีความรู้เรื่องชื่อต้นไม้ พืชพันธุ์ต่างๆ ในป่า ไม่ภูมิใจในเสื้อผ้าแบบชนเผ่า อยากเล่นกีตาร์แทนเตหน่า นิยมเพลงไทยมากว่าบทเพลงของปกาเกอะญอ เหล่านี้จึงทำให้พ่อแม่เห็นว่าจำเป็นต้องนำลูกกลับมาเรียนรู้ในชุมชนและเรียนรู้เรื่องตัวเองก่อน โดยในโรงเรียนมอวาคีจะสอนทั้งภาษาไทย และปกาเกอะญอเพื่อให้เด็กรู้จักภาษาไทยโดยไม่ลืมรากเหง้าภาษาตนเอง มีการสอนขับลำนำเพลง ปกาเกอะญอ ให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องธรรมชาติ ความเชื่อเรื่องการเคารพธรรมชาติและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติ ในช่วงท้ายของละครมีข้อวิงวอนของเด็กและเยาวชนโรงเรียนมอวาคีว่า ขอให้เจ้าหน้าที่รัฐและผู้บริหารด้านการศึกษามอบอำนาจให้ชุมชนมอวาคีสามารถจัดการศึกษาโดยชุมชนเองด้วยเถิด เพื่อให้เด็กได้สามารถเรียนอยู่ในโรงเรียนต่อเนื่องจนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
เสียงสะท้อนจากปราชญ์ผู้รู้ และครูในโรงเรียน
ส่วนเสียงสะท้อนจากปราชญ์ผู้รู้และครูในโรงเรียนกล่าวว่า หลักสูตรท้องถิ่นโรงเรียนชุมชนมอวาคีนี้เกิดจากการตั้งคำถามว่าชนเผ่าจะดำรงวิถีของตนได้อย่างไร หากนำเอาความรู้แบบใหม่ที่ไม่สอดคล้องกับวิถีของตนมาสอนลูกหลานของตน จึงเป็นที่มาของการเรียนการสอนที่เชื่อมโยงกับภูมิปัญญาของชาว ปกาเกอะญอ ซึ่งสอนว่า “อยู่กับป่าต้องรักษาป่า อยู่กับน้ำต้องรักษาน้ำ” โดยใช้บทเพลงปกาเกอะญอสอดแทรกการเรียนรู้ ให้เด็กเข้าใจวิถีชีวิตคนอยู่กับป่า ประกอบกับระบบนิเวศน์ทุกวันนี้กำลังจะสูญเสียไป หากไม่หันมาให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาป่าและน้ำ เหล่านี้จึงเป็นที่มาของการจัดการเรียนการสอนแบบหลักสูตรท้องถิ่นในโรงเรียนมอวาคีขึ้น เพื่อให้คนรุ่นใหม่สืบสานองค์ความรู้และเป็นผู้ถ่ายทอดสู่คนรุ่นหลังต่อไป
ในส่วนของกระบวนการพัฒนาหลักสูตรนั้น ได้เริ่มจากการพูดคุยกับชุมชนเพื่อพัฒนาสาระการเรียนรู้โดยผสมผสานระหว่างหลักสูตรแบบการศึกษานอกโรงเรียน 8 สาระการเรียนรู้ของสำนักงานคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา (สพฐ.) และผนวกภูมิปัญญาปกาเกอะญอเข้าด้วยกัน ซึ่งถือเป็นเนื้อหาการเรียนรู้แบบพิเศษที่เด็กได้เรียนอ่านเขียนภาษาปกาเกอะญอและได้เรียนรู้ภาษาวัฒนธรรมภายนอกด้วย มีการเรียนรู้แบบให้สัมผัสธรรมชาติจริง ปฏิบัติจริง โดยครูผู้สอนสามารถเรียนรู้ไปพร้อมกับเด็กด้วย โดยเข้าไปเรียนรู้ในป่า เรื่องการจัดการทรัพยากรป่า ความเชื่อ พิธีกรรม ความรู้เรื่องสมุนไพร เป็นต้น ผลสัมฤทธิ์ด้านการเรียนของเด็กนั้นพบว่า หลังจากเด็กจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แล้วสามารถสอบเข้าเรียนต่อในระดับที่สูงกว่าได้ โดยหลายคนสอบเข้าเรียนในห้อง 1 ของโรงเรียนประจำตำบลที่แม่วินได้ ปราชญ์ผู้รู้ชาวปกาเกอะญอได้เสนอความเห็นว่าการขับเคลื่อนงานด้านการศึกษาโดยชุมชนนี้ หน่วยงานราชการ องค์กรพัฒนาเอกชน และศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ควรมาร่วมสนับสนุน ร่วมคิด พัฒนาหลักสูตรและช่วยดูแลสวัสดิการครู พร้อมกับขยายองค์ความรู้เรื่องหลักสูตรท้องถิ่นโดยชุมชนไปสู่โรงเรียนในสังกัดของสำนักงานคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาอื่นๆ ด้วย
เสียงสะท้อนจากนักวิชาการและเจ้าหน้าที่ด้านการศึกษา
ฝ่ายของนักวิชาการและเจ้าหน้าที่ด้านการศึกษาจากภาครัฐ กล่าวว่ารัฐต้องมีหน้าที่ดูแลเด็กทุกกลุ่มให้เข้าถึงการศึกษาเพื่อการเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ และต่างชื่นชมแนวทางการจัดการศึกษาของชุมชนมอวาคีว่า แม้จะอยู่ห่างไกลเมืองก็ยังสามารถจัดการศึกษาของตนเองได้ และเป็นต้นแบบที่ดี ขณะนี้เรามีร่างกฎกระทรวงเพื่อเสนอให้ชุมชนจัดการศึกษาของตนเอง ซึ่งหากผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีชุมชนก็จะได้รับการรับรองและได้รับงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐตามกฎหมาย ฝ่ายการศึกษาได้เสนอแนวทางในช่วงรอประกาศกระทรวงว่า ควรจัดทำข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อให้การจัดการศึกษาในชุมชนขับเคลื่อนไปได้อย่างคล่องตัว โดยมีหน่วยงานภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมาลงนามความร่วมมือด้วยกัน เพื่อดำเนินการในรูปแบบต่างๆ เช่น การสนับสนุนบุคลากรครู การพัฒนาศักยภาพครู การสนับสนุนงบประมาณ อุปกรณ์การศึกษา การร่วมพัฒนาคุณภาพหลักสูตรและการเรียนการสอน การส่งนักศึกษาครูมาฝึกสอนในชุมชน เป็นต้น นอกจากนี้เห็นว่าในโอกาสที่โรงเรียนมอวาคี ได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 19 จึงเป็นจุดสำคัญที่ภาคส่วนต่างๆ ควรได้มาร่วมทบทวน ถอดบทเรียนและมองโอกาสด้านการศึกษาของเด็ก รวมถึงเรื่องอาชีพภายหลังจบการศึกษา ตลอดจนนำความรู้กลับมาพัฒนาชุมชนของตนได้
ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุวรรณา เกรียงไกรเพ็ชร์ ผู้อำนวยการศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ได้ฝากประเด็นแลกเปลี่ยนในเวทีด้วยเช่นกันว่า ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธรได้ทำงานด้านการประสานความร่วมมือและสร้างความเข้าใจในวิถีวัฒนธรรมกะเหรี่ยงร่วมกับภาคีเครือข่าย เพื่อผลักดันให้มติครม.ฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยงเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้รัฐรับรองวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวกะเหรี่ยง โดยนำแนวนโยบายไปสู่การแก้ไขปัญหาที่เป็นจริงและปฏิบัติได้ ณ วันนี้เรามีข้อเสนอด้านการศึกษาตามมติ ครม.ที่ชัดเจน ดังเช่นให้เร่งรัดการออกกฎกระทรวงด้านการจัดการศึกษาโดยชุมชน ฉะนั้นเราจึงต้องแสวงหาความร่วมมือเพื่อให้ถ้อยคำเกิดขึ้นได้จริง โดยการสนับสนุนให้ชุมชนมีสามารถกำหนดหลักสูตรการศึกษาด้วยตนเอง มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาสนับสนุนงบประมาณ เราต้องเข้าไปให้ถูกจุด มองร่วมกันให้ชัดว่าจะก้าวไปทิศทางไหน ทำตามความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง เพื่อกำหนดอนาคตของเราเอง
ผศ.ชูพินิจ เกษมณี ได้กล่าวประเด็นที่สำคัญว่า โรงเรียนชุมชนบ้านมอวาคีนี้ ควรพิจารณาเรื่องความเป็นต้นแบบเรื่องการศึกษาผ่านหลักสูตรที่สะท้อนวิถีวัฒนธรรมแบบองค์รวมของตน ซึ่งความพิเศษของโรงเรียนชุมชนมอวาคีอยู่ที่ชุมชนมีส่วนร่วมอย่างมาก มีพ่อบ้านและแม่บ้านมาช่วยทำอาหาร เป็นพี่เลี้ยงเด็กและพัฒนาโรงเรียนมาโดยตลอด มีหลักสูตรท้องถิ่นตามวิถีวัฒนธรรมปกาเกอะญอ ซึ่งให้ความสำคัญกับภาษาแม่ โดยผู้เรียนสามารถเรียนได้สองภาษา สำหรับแนวทางที่ควรพัฒนาต่อไปนั้น เห็นว่าควรมีการใช้แนวคิดการศึกษาพหุวัฒนธรรม เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้วัฒนธรรมทั้งของตนเองและวัฒนธรรมอื่นๆ ของเพื่อน และกล่าวอีกว่า การจัดการศึกษาแบบโรงเรียนชุมชนมอวาคีในอนาคต จะเป็นชุมชนนำร่องด้านการจัดการศึกษาของตนเองที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมและสามารถนำเสนอโครงการไปยังสำนักงบประมาณเพื่อขอรับทุนสนับสนุน ตามมติ ครม.ฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง และได้ให้กำลังใจชุมชนมอวาคีว่าขอให้มุ่งมั่น ทำงานด้านการศึกษาต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ พยายามหาเวทีพูดคุยในระดับต่างๆ และแสวงหาความร่วมมือจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องเพื่อให้การจัดการศึกษาทางเลือกของชุมชน เป็นการเลือกที่แท้จริงและเลือกอย่างมีศักดิ์ศรีโดยชุมชนเอง
************************************
จีระวรรณ์ บรรเทาทุกข์
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
|